เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นอกจากติดเครื่องปรับอากาศแล้ว ยังต้องปูพรมเป็นแพ็คเก็จตามมาอีกด้วย  บ้านที่มีเด็กเล็กๆ คงจะต้องระวังเรื่องความสกปรก และฝุ่นละอองที่แอบแฝงอยู่ในพื้นพรมกันมากสักหน่อย เพราะนั่นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้แก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างง่ายดาย 

ดังนั้น เราจึงต้องมีการทำความสะอาดพรมกันอยู่ตลอดเวลา วิธีง่ายๆ ที่คุณแม่บ้านหรือคุณพ่อบ้าน คิดได้ก็คือ การดูดฝุ่น เป็นวิธีที่ง่าย และใช้เวลาในการทำความสะอาดพรมน้อยที่สุด

แต่หากว่า พรมบ้านเรา มีรอยเปื้อนที่ไม่สามารถจะดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น ก็คงจะต้องซักพรมกันแล้วล่ะค่ะ ซึ่งการซักพรมไม่ใช่การถอดพรมออกมาซัก แล้วตากแดด แต่การซักพรมในที่นี้ เป็นการทำความสะอาดพรม ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ

ด้วยการโรยผงเบคกิ้งโซดา ให้ทั่วบริเวณที่มีรอยเปื้อน ผงเบคกิ้งโซดาจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกให้สลายตัว เพียงแค่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงค่อยดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น เพียงเท่านี้ พรมของเราก็จะสะอาด ปราศจากคราบฝังแน่น และยังปลอดภัย ที่สำคัญ ไม่มีกลิ่นอับใดๆ ตามมารบกวนอีกด้วย

เมื่อนึกย้อนไปถึงในสมัยที่คุณแม่ยังสาว ก็มีการใช้พรมปูพื้นอยู่บ้างเหมือนกัน ยุคสมัยนั้นยังไม่มีน้ำยาซักแห้ง สำหรับทำความสะอาดพรมเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ และเครื่องดูดฝุ่นก็ยังไม่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย

วิธีซักพรมที่ง่ายที่สุดก็คือ ถ้าหากเป็นรอยเปื้อนจากสนิม มักจะใช้น้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาวเช็ดรอยเปื้อนที่ฝังแน่น เพราะน้ำส้มสายชูที่ผลิตจากน้ำสับปะรด เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติและมีฤทธิ์ในการกัดเซาะคราบสกปรกได้ดี รวมถึงน้ำมะนาว ซึ่งหาได้ง่าย และมีคุณสมบัติในการทำลายคราบสกปรกได้ดีอีกเช่นกัน

คราบสกปรกที่ว่านี้ อาจจะเป็นคราบเลือด คราบอาหาร หรือคราบสีน้ำที่หกเลอะเทอะ โดยฝีมือของจิตรกรตัวน้อยของบ้าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผืนพรมของเราหมองไป เมื่อมีจังหวะเวลาที่ว่าง ก็ควรจะได้รื้อทำความสะอาดกันบ้าง

การปูพรมในบ้าน เป็นการบ่งบอกรสนิยม และความมีฐานะของเจ้าของบ้าน แต่ก็ต้องอาศัยการดูแลให้ถูกวิธีด้วย ห้องต่างๆ ที่ปูพรมจึงจะดูสวยงาม และใช้เป็นสถานที่พักผ่อนได้อย่างสบายใจค่ะ