เด็กตัวเหลือง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก เกิดจากร่างกายมีสารสีเหลืองที่มีชื่อว่า บิลิรูบิน (Bilirubin) ในกระแสเลือดมากกว่าปกติและไปจับอยู่ตามเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย เช่น ที่ผิวหนังและที่ตาจึงทำให้ผิวทารกและตาขาวเป็นสีเหลือง ที่อันตรายคือ บิลิรูบินที่สูงเกินสำหรับทารกนั้น ไปจับกับเซลล์สมองอาจทำให้ทารกมีอาการผิดปกติ ปัญญาอ่อน พิการหูหนวกตามมาได้ จึงจำเป็นต้องให้การวินิจฉัยและการรักษาในเวลาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของลูกค่ะ
อาการของเด็กตัวเหลือง
เด็กแรกเกิดมักเริ่มมีภาวะตัวเหลืองและตาเหลืองในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด โดยอาการเริ่มจากใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ก่อนลามไปส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ลำตัว ท้อง แขน ขา และอาจมีสีเหลืองชัดขึ้นเมื่อใช้ปลายนิ้วกด รวมถึงมีอาการอื่น ๆ ที่สังเกตได้ ดังนี้
- ตาขาวเป็นสีเหลือง
- เหงือกเหลือง
- ฝ่ามือ ฝ่าเท้าเหลือง
- ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม (ปกติปัสสาวะของเด็กแรกเกิดจะไม่มีสี)
- อุจจาระมีสีขาวซีดเหมือนสีชอล์ก (ผิดจากปกติที่ควรเป็นสีเหลืองหรือสีส้ม)
คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที หากสังเกตพบอาการต่อไปนี้
- ตัวเหลืองและมีไข้สูงร่วมด้วย
- ไม่ยอมดูดนม น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น
- แขน ขา และท้องเหลือง
- เซื่องซึม
- ร้องไห้เสียงแหลม
- มีอาการตัวเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆ
- มีอาการตัวเหลืองนานกว่า 3 สัปดาห์
สาเหตุที่ทำให้เด็กตัวเหลือง
เด็กตัวเหลืองส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากระดับสารบิลิรูบินหรือสารสีเหลืองในเลือดที่สูงมากเกินไป นอกจากนี้ ภาวะเด็กตัวเหลืองอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนี้
1. เด็กตัวเหลืองเป็นภาวะปกติที่ไม่ใช่โรค (Physiologic jaundice)
ส่วนใหญ่จะพบในทารกหลังคลอด วันที่ 3-4 เนื่องจากขณะอยู่ในครรภ์มารดาทารกมีจำนวนเม็ดเลือดแดงในระดับสูง เมื่อเม็ดเลือดแดงส่วนนี้ถูกทำลายตามอายุของเม็ดเลือดแดง สารฮีมภายในถูกเปลี่ยนเป็นบิลิรูบิน แม้ทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงดีประมาณ 50-60% ก็อาจมีตัวเหลืองได้ในระดับไม่สูงมาก และมักจะหายเหลืองไปเองเมื่ออายุประมาณ 5-7 วัน หรืออย่างมากไม่เกิน 10 วัน ในเด็กคลอดครบกำหนด แต่เด็กคลอดก่อนกำหนด อาการตัวเหลืองจะหายไปภายในประมาณ 2 สัปดาห์
2. เด็กตัวเหลืองที่เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น
เด็กตัวเหลืองที่เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น เช่น
- หมู่เลือดของแม่และทารกไม่ตรงกัน มักพบในคุณแม่หมู่เลือดโอและทารกหมู่เลือดเอหรือบี หรือในคุณแม่ที่มีหมู่เลือด Rh ลบ โดยที่ทารกมี Rh บวก ฯลฯ เป็นต้น
- ทารกที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง หรือขาดเอ็นไซม์บางอย่างในเม็ดเลือดแดง เช่น ภาวะพร่องเอนไซม์ จี6พีดี หรือ ธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้
- ทารกมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมากโดยเฉพาะทารกที่คลอดจากแม่ที่เป็นเบาหวาน
- ทารกมีเลือดออกหรือเลือดคั่งเฉพาะส่วน เช่น บวม โนที่ศีรษะจากการคลอด ทารกหน้าคล้ำหลังคลอด เป็นต้น
- การติดเชื้อในทารกแรกเกิด ซึ่งมักมีอาการซึม ไม่ดูดนม อาจมีท้องอืด อาเจียน มีไข้ หรือไม่มีก็ได้ ฯลฯ
3. เด็กตัวเหลืองที่เกิดจาก
สาเหตุอื่นๆ
- เด็กทารกที่ดูดนมแม่อาจพบมีภาวะตัวเหลืองในปลายอาทิตย์แรก และอาจเหลืองนานเกิน 1-4 สัปดาห์ ในระดับที่ไม่มีอันตราย
- ภาวะพร่องฮอร์โมนจากต่อมไธรอยด์
- โรคอื่นๆ ที่พบน้อยมาก เช่น มีการอุดตันในทางเดินอาหาร ในกระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือท่อน้ำดี
- ทารกที่คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากตับทำงานได้ไม่ดีเท่าทารกที่คลอดครบกำหนด จึงอาจพบภาวะตัวเหลืองได้สูงกว่าปกติ
นมแม่ทำให้เด็กตัวเหลืองจริงหรือไม่
เด็กตัวเหลืองอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ตัวเหลืองจากนมแม่ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุของอาการตัวเหลืองจากนมแม่ ซึ่งอาการตัวเหลืองจากนมแม่จะพบมากที่สุดในช่วงอายุ ๑๐-๒๑ วัน แต่ก็อาจจะเป็นต่อไปนาน ๒ หรือ ๓ เดือนได้ อาการตัวเหลืองจากนมแม่เป็นเรื่องปกติ แทบไม่มีกรณีใดเลยที่จำเป็นต้องหยุดให้ลูกกินนมแม่ แม้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ มีบางกรณีเท่านั้นที่ทารกจำเป็นต้องได้รับการรักษาอื่น ๆ เช่น การส่องไฟ และไม่มีหลักฐานใด ๆ เลยที่แสดงว่าอาการตัวเหลืองจากนมแม่จะเป็นปัญหากับทารก คุณแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างจริงจัง ควรมีการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ เพื่อในวันที่ลูกคลอดออกมาจะได้มีปริมาณน้ำนมเพียงพอ ลดภาวะตัวเหลือง Breast feeding jaundice ได้ คุณแม่เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่งเลยค่ะ
การรักษาเด็กตัวเหลือง
เด็กตัวเหลืองสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการลดระดับของบิลิรูบินในเลือดด้วยวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้ดังนี้
1. การรักษาเด็กตัวเหลืองด้วยการส่องไฟรักษา
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่าหลอดไฟธรรมดาสามารถรักษาภาวะตัวเหลืองได้ แต่แท้จริงแล้วหลอดไฟที่ใช้ในการรักษาเป็นหลอดไฟชนิดพิเศษที่มีความยาวคลื่นแสงเหมาะสมกับการรักษาเท่านั้น หากระดับของบิลิรูบินในเลือดสูงเกิน 12-15 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร ต้องนำทารกมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้นเพราะไม่สามารถใช้หลอดไฟที่มีอยู่ตามบ้านหรือแสงแดดในการรักษาภาวะตัวเหลืองได้
2. การรักษาเด็กตัวเหลืองด้วยการถ่ายเลือดร่วมกับการส่องไฟรักษา
ถ้าหากระดับของบิลิรูบินในเลือดสูงมากจนอาจจะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อสมอง หรือแสดงอาการเฉียบพลันทางสมองเบื้องต้นแล้ว ควรใช้วิธีการถ่ายเลือดร่วมกับวิธีการส่องไฟรักษาเพื่อลดระดับของบิลิรูบินในร่างกายของทารกได้อย่างทันท่วงที
3. การรักษาเด็กตัวเหลืองด้วยยา
ยาที่สามารถรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดได้คือยาชีววัตถุ เช่น อิมมูโนโกลบูลินชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous immunoglobulin)
การดูแลเด็กตัวเหลือง
- หากพบทารกมีภาวะตัวเหลืองตั้งแต่แรกคลอด คุณหมอจะทำการรักษาตามวิธีมาตรฐานอยู่แล้วและอาจจะมีการนัดตรวจติดตาม บทบาทของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่เพียงแค่พาลูกน้อยมาตรวจตามที่คุณหมอนัด
- หากลูกน้อยเริ่มแสดงอาการตัวเหลืองหลังจากกลับไปอยู่บ้าน ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบว่าทารกตัวเหลืองคือไม่ตามวิธีข้างต้น หากพบว่ามีอาการตัวเหลืองเพิ่มขึ้นควรนำลูกมาตรวจที่โรงพยาบาลทันที
- สังเกตสีของอุจจาระหรือปัสสาวะของทารก หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น อุจจาระมีสีซีด หรือ ปัสสาวะมีน้ำตาลเข้มควรมาพบแพทย์อย่างทันท่วงที
- อาการหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น มีไข้ ซึม ไม่ดูดนม หรือท้องอืด ควรพาลูกน้อยมาพบแพทย์ทันที
- เลี้ยงทารกด้วยน้ำนมแม่ หากคุณแม่มือใหม่ประสบปัญหาในการให้นมลูกน้อย เช่น ลูกดูดนมยาก ลูกดูดนมน้อยหรือยังให้นมลูกไม่ถูกต้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่ในสถานพยาบาลเพื่อเสริมพัฒนาการที่ดีของทารก
by TVPOOL ONLINE