มารู้จัก ”ขิง” กันเสียก่อน
“ขิง” เป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าสำน้ำตาลแกมเหลืองใต้ดิน ส่วนที่โผล่เหนือดินเป็นกาบใบซ้อนทับกัน ใบเดี่ยวมีลักษณะเป็นรูปไข่ สีเขียวเข้มเรียวยาว มีดอกเป็นสีเหลืองแกมเขียวออกเป็นช่อบริเวณที่เป็นเหง้า เติบโตได้ดีในที่อากาศเย็น และร้อน ขยายพันธุ์ด้วยหน่อหรือเหง้า
“ขิง” นิยมนำมาประกอบอาหาร นำไปต้มกับน้ำหรือทำเป็นเครื่องดื่ม ในด้านสมุนไพรทำยาได้หลายส่วน มีสรรพคุณช่วยขจัดเสมหะ บำรุงหลอดลม ไล่ลมในกระเพาะและลำไส้
คุณค่าทางสมุนไพร
“ราก” นำมาทุบให้ละเอียดต้มกับน้ำ ใช้ดื่มฆ่าพยาธิ ขับลมในทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ รักษาแผลในทางเดินอาหาร ช่วยย่อย บำรุงสายตา และทำให้เจริญอาหาร
“ดอก” นำมาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มขจัดเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ และช่วยเจริญอาหาร
“เหง้า” ใช้เหง้าแก่อายุประมาณ 1 ปี ซอยให้ละเอียด กินสดๆหรือนำไปประกอบอาหาร มีสรรพคุณทำให้ชุ่มคอ ช่วยบำรุงกล่องเสียง ทำให้เสียงสดใส ช่วยปรับสมดุลอุณภูมิร่างกาย ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ไอ และขับปัสสาวะ
รู้หรือไม่ ”ขิง” ก็มีโทษ
อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์และการแท้ง แต่ในการตั้งครรภ์รายอื่น ๆ นั้นไม่พบว่าการรับประทานขิงจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้นคุณควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเอง
ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ ดังนั้นไม่ควรรับประทานขิงมากจนเกินไป
ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การศึกษาหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขิง
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีประโยชน์ และมีโทษเหมือนกันค่ะ แต่เราสามารถจัดการได้โดยการรู้จักใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ควรเลือกบริโภคพอควร ไม่บริโภคมากจนเกินความจำเป็นเพราะมันอาจจะนำมาซึ่งโทษที่เราไม่คาดคิดได้
by TVPOOL ONLINE
