เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
หญิงสาวคนหนึ่ง ในหมู่บ้านกลันทา ม.10 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนาสงสาร เนื่องจากพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง อาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีที่มีสภาพเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกวัยชายเพียงขวบเศษตามลำพัง เพราะสามีหนีไปบวชและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
 
ปัจจุบันอาศัยเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท เมื่อไปถึงก็พบกับ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือ ยุ้ย อายุ 26 ปี สาวที่พิการตาบอดทั้งสองข้าง กำลังนั่งอุ้มลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน อยู่บริเวณเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยสังกะสีเก่าผุพังและมุงด้วยสังกะสีที่ใช้สำหรับอยู่อาศัยกับลูก
 
ใกล้กันมีเพิงที่ล้อมรอบด้วยสังกะสีอีกหลังซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแม่และพ่อเลี้ยง จากการสอบถาม น.ส.สุนิสา เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2554 ได้ไปทำงานโรงงานหลอมเหล็กกับพ่อแม่ รวมทั้งสามีที่ จ.ชลบุรี โดยตนเองทำหน้าที่โหลดเหล็กเข้าเตาหลอม
 
แต่หลังจากทำได้แค่ 3 เดือนก็ต้องลาออก เพราะเริ่มมีอาการปวดหัวรุนแรงและแสบดวงตา เชื่อว่าน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงจากฝุ่นสนิมเหล็กเข้าตา หลังจากลาออกกลับมาอยู่บ้านสามีที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้ไม่นาน สายตาก็เริ่มพร่ามัว ไปหาหมอก็แนะนำว่าให้กลับมารักษาที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะมีสิทธิ์รักษา จึงตัดสินใจกลับมาตามที่หมอแนะนำ
 
ในช่วงแรกหมอบอกว่าจอประสาทตาหลุดลอก ซึ่งช่วงนั้นตาทั้งสองข้างก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว ต้องทำการผ่าตัด จึงทำเรื่องส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล จ.ขอนแก่น แต่หลังจากผ่าตัดก็ยังมองไม่เห็น ซึ่งหมอบอกว่าจอประสาทตาเสื่อม อาจทำให้กลายเป็นผู้พิการมองไม่เห็นจึงบอกให้ครอบครัวทำใจ
 
แต่ก็บอกให้มาทำการตรวจและรักษาต่อเนื่อง หวังว่าจะมีโอกาสหรือวิวัฒนาการใหม่ที่สามารถช่วยรักษาได้ แต่ด้วยฐานะที่ยากจนไม่มีค่าใช้จ่ายเดินทางไปรักษาได้อย่างต่อเนื่อง จึงต้องกลายเป็นคนพิการตาบอดมาจนถึงทุกวันนี้ รวมเป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้วที่เป็นแบบนี้