เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ความเชื่อเหล่านี้ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่งและคุณแม่ท้องหลายๆบ้านก็ยังยึดถือปฏิบัติตามเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ คำแนะนำมากมายจะไหลหลั่งมาให้คุณแม่จากเพื่อนสนิท ญาติมิตรที่รักและหวังดีกับคุณแม่ค่ะ ปัญหาไม่ใช่คำแนะนำด้วยเจตนาดีเหล่านั้น แต่เกิดจากว่าความเชื่อเหล่านั้นมักแย้งกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทั้งยังเป็นความเชื่ออ้างอิงที่เหนือธรรมชาติที่ส่งต่อจากคนรุ่นแม่มาสู่ลูกหลาน ผู้หญิงส่วนมากจะเชื่อความเชื่อเหล่านั้นอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตั้งครรภ์

 1: แขวนภาพเด็กหน้าตาน่ารักไว้ที่ผนัง ลูกน้อยของคุณแม่จะคลอดออกมาหน้าตาน่ารัก
ความจริง: หน้าตาและรูปร่างของเด็กแรกเกิดขึ้นอยู่กับพันธุกรรมค่ะ การแขวนรูปเด็กหน้าตาน่ารักไม่ได้ช่วยให้ลูกคุณแม่มีโครงสร้างหน้าตาที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การที่คุณแม่แขวนภาพเด็กหน้าตาดีหรือภาพสวยสร้างทัศนคติบวกจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการตั้งครรภ์และสุขภาพที่ดีของคุณแม่ท้องค่ะ จำไว้เสมอว่า ความเครียดมีพลังมหาศาลที่ทำให้การเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อยหยุดชะงักได้ ทั้งในด้านอารมณ์และร่างกาย ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีทัศนคติบวกเข้าไว้นะคะ

 2: ดื่มน้ำมะพร้าวหลังอายุครรภ์มากกว่า 7 เดือนจะทำให้ลูกหัวโตเหมือนมะพร้าว
ความจริง: น่าสงสัยจริงๆค่ะว่าความเชื่อนี้มีที่มาจากแหล่งไหน เพราะเป็นความเชื่อที่ผิดถนัด น้ำมะพร้าวเป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ดีและคุณแม่ควรดื่มเพื่อสุขภาพของลำไส้ค่ะ ทั้งนี้ การดื่มน้ำมะพร้าวในช่วงอายุครรภ์ดังกล่าวไม่มีผลต่อขนาดศีรษะลูกน้อยอย่างแน่นอนค่ะ

3: ดื่มน้ำมะพร้าวทำให้คุณแม่ท้องอืด
ความจริง: ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องค่ะ เด็กในครรภ์จะกลับหัวก็ต่อเมื่ออายุครรภ์เข้าไตรมาสที่สาม และอาการกรดเกินที่คุณแม่ต้องเผชิญนั้นเป็นผลมาจากขนาดครรภ์ที่ขยายใหญ่ขึ้น ขณะที่ครรภ์คุณแม่พัฒนาขยายใหญ่นั้น มดลูกจะเหยียดออกไปกดทับลำไส้เล็ก อันเป็นผลให้กระบวนการการย่อยชะลอตัวลงและส่งผลข้างเคียงให้คุณแม่ท้องอืดและท้องผูกได้ค่ะ

 4: กินอาหารสีขาวเป็นอย่างแรกในตอนเช้าจะทำให้ลูกน้อยคลอดออกมาผิวขาวราวหยวกกล้วย
ความจริง: ไม่ใช่มั้งคะ! ถ้าจริง ใครที่กินนมกับขนมปังขาวคงผิวขาวกันหมดแล้ว ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริงค่ะ สีสันของอาหารที่คุณกินเข้าไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโทนสีผิวของทารกแรกเกิดเลยค่ะ เพราะสีผิวก็เช่นเดียวกับหน้าตา ซึ่งเป็นผลมาจากพันธุกรรมของคุณพ่อคุณแม่ล้วนๆค่ะ

5: คุณแม่ท้องไม่ควรทำกิจกรรมใดๆระหว่างเวลาสุริยคราส เพราะจะทำให้ลูกคลอดออกมาพิการ
ความจริง: สุริยคราสเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แน่นอนว่าไม่มีทางส่งผลต่อความพิกลพิการของทารกค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่จะสามารถมองสุริยคราสได้ด้วยตาเปล่านะคะ เพราะทุกคนต่างทราบดีว่าจะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้แม้ไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ตาม

 6: รูปร่างท้องของคุณแม่ทำนายเพศลูกได้
ความจริง: รูปร่างท้องของคุณแม่เกิดจากวิธีที่ทารกนอนในมดลูกค่ะ ไม่ว่าคุณแม่จะได้ลูกชายหรือลูกสาวก็ไม่อาจทำนายได้เพียงแค่ดูรูปทรงท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์

7: ประเภทอาหารที่คุณแม่ท้องอยากกินมีผลต่อเพศลูก
ความจริง: ประเภทอาหารที่คุณแม่อยากกินระหว่างตั้งครรภ์อาจสัมพันธ์หรือไม่สัมพันธ์กับภาวะขาดโภชนาการทางกายก็ได้และไม่สามารถทำนายเพศลูกได้ค่ะ ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยใดสนับสนุนว่าประเภทอาหารที่คุณแม่ท้องอยากกินสามารถทำนายได้ว่าคุณแม่จะได้ลูกชายหรือลูกสาวนะคะ

8: ลักษณะผิวพรรณของคุณแม่ตั้งครรภ์ทำนายเพศลูกได้
ความจริง: จริงๆแล้วผิวพรรณคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนค่ะ เช่นเดียวกับผื่นที่ต้นคอ รักแร้คล้ำและบางครั้งผิวหน้าของคุณแม่อาจคล้ำขึ้นเป็นหย่อมๆ ซึ่งเป็นอาการที่เราเรียกว่า Pregnancy Mask หรือหน้าเป็นฝ้าค่ะ

9: คุณแม่ท้องที่กินน้ำมันหรือน้ำมันเนยจะช่วยให้คลอดง่ายขึ้น
ความจริง: น้ำมันหรือน้ำมันเนยไม่มีส่วนช่วยให้ทารกคลอดออกมาได้ง่ายขึ้นค่ะ สิ่งที่น้ำมันและน้ำมันเนยทำได้ก็คืออาหารเหล่านี้จะไปเพิ่มแคลอรี่ให้คุณแม่ท้อง คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากและเลือกกินเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพจะดีกว่านะคะ

10: คุณแม่ท้องต้องกินอาหารมากขึ้นสองเท่า เพราะถือว่ากินเพื่อสองคน (แม่และลูกในท้อง)
ความจริง: ความเชื่อนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่ความจริงค่ะ แม้คุณแม่จะต้องกินอาหารเผื่อสำหรับสองคน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณอาหารเป็นสองเท่าก็ได้ คุณแม่เพียงต้องกินอาหารเพื่อให้ได้พลังงานมากขึ้นอีก 300 แคลอรี่ค่ะ ยิ่งอาหารที่คุณแม่กินมีประโยชน์มากเท่าไหร่ยิ่งดีนะคะ หญิงตั้งครรภ์จะต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นจากอาหารทุกหมู่ไม่ใช่แค่พลังงานจากไขมันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นเลยที่คุณแม่ต้องกินอาหารเพิ่มเป็นสองเท่าค่ะ