เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

‘มิกซ์ เพทาย’ ลูกชายตลกดัง เผยชีวิตที่ไม่ตลกเพราะตกอยู่ภายใต้ความกดดันของการเป็นลูก ‘หม่ำ จ๊กมก’ ฟันฝ่าคำครหาเกาะพ่อดัง ก้าวสู่ความฝันเส้นทางการเป็นแร็ปเปอร์ สร้างผลงานพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ!

เกิดมาเป็นลูกดาราใครว่าสบาย ต้องแบกทั้งภาระและความรับผิดชอบมากมาย ภายใต้ชื่อเสียงของพ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นตลกซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทยอย่าง ‘หม่ำ จ๊กมก’ ทำให้ลูกชายคนเดียวอย่าง มิกซ์-เพทาย วงษ์คำเหลา ถึงกับเก็บความอัดอั้นนี้ไว้เป็นแรงผลักดันตั้งใจทำผลงานออกมาให้โดดเด่น อยากให้คนจำตัวตนของตัวเองได้มากกว่าการมีนามสกุลห้อยท้ายว่าเป็น “ลูกหม่ำ”

ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจในรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องONE31 ที่มี พีเค-ปิยวัฒน์, หนิง-ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่ายฯ เป็นพิธีกร พร้อมเผยว่าถึงแม้ว่าจะเกิดเป็นลูกตลก แต่ก็สามารถเลือกอาชีพที่ฝันที่อยากจะทำได้เช่นกัน

ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้าง?

“ตอนนี้ก็ดีขึ้น ทำเพลง เป็นศิลปินเต็มตัว ถามว่าแต่ก่อนมันแย่เหรอ ไม่ครับ อาจจะเป็นความคิดส่วนตัวผมก็ได้ เพราะเกิดมาแล้วมีคนพูดว่าผมเป็นลูกหม่ำ แต่เป้าหมายผมมันมากกว่าการเป็นลูกหม่ำ รู้สึกภูมิใจที่อยู่ในจุดนี้ได้”

เมื่อก่อนรู้สึกยังไงที่ใช้ชีวิตการเป็นลูก ‘หม่ำ จ๊กมก’?

“มีทั้งดีและไม่ดีครับ คือดีในด้านของครอบครัวพ่อแม่พี่น้องรักกัน แต่ที่บอกเรื่องไม่ดีก็ไม่เชิงไม่ดี อาจจะเป็นความรู้สึกส่วนตัว อย่างเวลาเจอคนอื่นเขาชอบบอกว่านี่ไงลูกหม่ำ ไม่เจอหม่ำก็ถ่ายรูปกับลูกหม่ำก็ได้ ฝากสวัสดีพ่อหน่อยนะ คือผมรู้สึกเหมือนเป็นคนกลางส่งสารเลย แต่ผมไม่โกรธคนที่พูดนะ ผมโกรธตัวเองและรู้สึกว่าเราต้องทำผลงานให้มากกว่านี้ ให้คนรู้จักมากกว่าคำว่าลูกหม่ำ”

มีบางคนจะรู้สึกว่า จริงๆ เป็นลูกพ่อต้องภูมิใจสิ?

“ผมภูมิใจที่เป็นลูกพ่อ แต่คนจะมองรวมว่าถ้าเป็นลูกหม่ำต้องเป็นตลก ผมเป็นลูกหม่ำแต่เรื่องอาชีพผมก็มีสิทธิ์เลือกได้ในทางที่ผมต้องการและอยากทำ ผมเป็นแร็ปเปอร์ ตอนนี้เป็นโปรดิวเซอร์หนัง แล้วก็ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย”

แต่โอกาสของคนที่เป็นลูกดารามันจะมาก่อนเสมอ?

“ถูกต้องครับ แต่ผมเลือกปฏิเสธมา 6-7 ปีแล้ว ผมเริ่มทำเพลงมาจนคนยอมรับผม ถามว่าการเป็นลูกหม่ำทำให้เราต้องทำตัวดีกว่าลูกคนอื่นๆ มั้ย ผมว่าก็ทำเหมือนกันกับลูกคนอื่น แต่ว่าเราต้องทำมากกว่าเพราะว่าพ่อเราเป็นคนของประชาชน ไม่ใช่แค่พ่อ ทั้งครอบครัวผมเป็นคนของประชาชน ต้องระวัง ถ้าผมทำอะไรผิดไปมันเกี่ยวไปถึงครอบครัวผมด้วย”

กดดันไหมในวัยเด็กแทนที่เราจะได้ใช้ชีวิตมีความสุข แต่กลับต้องมาระวังตัวในการทำอะไร?

“รู้สึกกดดัน แต่อีกมุมนึงก็คิดว่ามันเกิดมาแบบนี้แล้วก็ต้องทำให้สุด เพราะเกิดมาแค่ครั้งเดียว

เวลาเจอกันกับพ่อแล้วไอเดียงานไม่ตรงกัน ทะเลาะกันไหม?

“ปกติถ้าไม่ขัดแย้งกันเรื่องงานเรื่องหนังนี่เราก็จะคุยกันเสียงดังอยู่แล้ว แต่ถ้าอันไหนขัดแย้งยิ่งหนักเลย เรารู้กันอยู่แล้วว่างานก็คืองาน คุยกันให้เกิดงาน เอาเหตุผลมาคุยกัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องงานแล้วลามปามไปเรื่องส่วนตัว เพราะพ่อบอกว่างานส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็แยกกัน ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกับพ่อเรื่องเรียน สอบตกตลอด พ่อให้ไปติวก็ไม่ดีขึ้น แล้วก็เป็นเรื่องที่ทำให้แม่ร้องไห้เพราะผมไม่ตั้งใจเรียน จุดเปลี่ยนที่ทำให้มาเรียนดีขึ้น คือตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนผมเรียนระบบ IGCSE มันจะจบก่อน ม.6 อยู่แล้วถ้าสอบผ่าน เพื่อนเขาออกไปหมดเหลือผมคนเดียว เลยมานั่งคิดว่าจะเอายังไง จะเรียนในโรงเรียนหรือจะไปเรียนสอบเอาวุฒิ ม.6 GED เลย ผมก็เลือกเรียน GED เลย”

เห็นว่าไปเรียนเมืองนอกด้วย ไปเพราะอยากไปหรือพ่อแม่ให้ไป?

“นิวซีแลนด์นี่พ่ออยากให้ไป ส่วนแคนาดาพี่เอ็ม(บุษราคัม)ชวนไปส่วนตัว แล้วก็ได้ประสบการณ์เรื่องแร็ปจากที่แคนาดาเลย อยู่ที่นั่นมีแต่เพลงฮิปฮอปเข้ามา”

ตอนแรกที่บอกพ่อเรื่องที่ตัวเองอยากเป็นแร็ปเปอร์?

“ผมทำเพลงเสร็จก็ให้พ่อฟังก่อนเลย พ่อฟังเสร็จเขาก็บอกว่าได้ๆ เดี๋ยวปั้นๆ ผมรอมาเกือบ 2 ปีแล้วอ่ะ ยังไม่เห็นทำไรเลย เลยไม่ไหวละทำเองดีกว่า ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำเองเพราะผมออกมาอยู่คนเดียวด้วยตอนเรียนปี1 เลยคิดว่าระหว่างทำหนังกับเป็นแร็ปเปอร์ทำอะไรก่อนดี แล้วก็ตัดสินใจเลือกแร็ปเปอร์ก่อน เพราะหนังมันใหญ่เกินไปสำหรับผมตอนนั้น”

ตอนนี้พี่สาวก็มีธุรกิจ ตัวเราเองก็ดูแลตัวเองได้แล้ว เคยคิดจะดูแลที่บ้านโดยให้พ่ออกจากวงการไหม?

“เรื่องออกจากวงการพ่อบอกว่าเดี๋ยวเขารู้ตัวเอง ถ้าเขาอยากออกเดี๋ยวออกเอง ผมไม่ห่วงเขาเรื่องทำงาน แต่ห่วงเรื่องพักผ่อนไม่เพียงพอมากกว่าครับ”