เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ดิว อริสรา เดินทางมา ณ ศาลแพ่ง กรุงเทพใต้  พร้อมเผยว่า…วันนี้จริงๆไม่จำเป็นต้องมาก็ได้  เพราะเป็นการนัดครั้งแรกสามารถให้ทนายมาได้  แต่ตนให้เกียรติศาลและเพื่อความบริสุทธิ์ใจ  ตนเลยมา

เรื่องทีเกิดขึ้นรู้สึกอึดอัดมานานแล้ว และที่ผ่านมาไม่ได้พูดเลย ซึ่งต้นเหตุที่ไม่พูดเพราะถ้าพูดไปอาจจะมีกรณีโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ จึงให้เข้าสู่กระบวนศาลก่อนและค่อยมาพูด ส่วนกรณีที่ไม่ได้คืนเงินเพราะตนยังมีคดีฟ้องร้องกับเจ้าของตึกที่จะเช่าทำร้านอยู่

โดยทางฝั่งทนายเผยว่า เรื่องนี้เริ่มจากหุ้นส่วนทำธุรกิจด้วยกัน 5 คนซึ่งทาง “ดิว อริสรา” กับหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีได้ไปทำสัญญาเช่าตึก ก็มีปัญหาเจ้าของสถานที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทำให้ธุรกิจเปิดไม่ได้ เลยมีการฟ้องร้องค่าใช้จ่ายกันอยู่

ซึ่งทาง”ดิว อริสรา”ต้องเป็นคนรับผิดชอบคนเดียว ไม่ใช่ไม่คืนแต่มีปัญหาอยู่ โดยหุ้นส่วนอย่าง “หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ” ก็ไม่ได้ติดใจเรียกร้องหรือมีปัญหาอะไร แต่มีหุ้นส่วนที่ยังเข้าใจผิดจะเอาคืนอย่างเดียว จริงๆผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบด้วยกัน ไม่ใช่จะปล่อยให้เป็นภาระให้หุ้นส่วนหลักสู้อยู่คนเดียว และการทวงเงินก็ควรทำด้วยความสุภาพไม่ใช่ไปทวงผ่านสื่อโซเชียลทำให้รู้สึกไม่ดีกระทบกระเทือนจิตใจ หุ้นส่วนก็ต้องให้ข่าวด้วยความระมัดระวัง

เผยจะมีการนัดไกล่เกลี่ยอีกทีในวันที่ 24 สิงหาคมอีกตอนนี้ทาง”ดิว อริสรา”ได้มีการฟ้องเจ้าของตึกไปแล้ว 2 ล้านและเสียค่าทนายไปหลักแสนแล้ว ต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกัน

ทั้งนี้”ดิว อริสรา”เผยต่อว่า ที่ฟ้องเจ้าของตึกคนเดียวตอนแรกก็มีการบอกเหตุผลอีกฝ่ายไปแล้วว่า…ทำไม่ไม่คืนเงินซึ่งเขาก็บอกจะไม่ฟ้อง อย่างที่รู้กันหุ้นส่วนมีทั้งหมด 5 คน แต่ตนถือหุ้น 60% กับเงินสองล้านบาทของเขาถือ 10 % ถ้านับกันจริงแค่สองแสนแต่ตนคือล้านกว่าบาท ก็อยากให้เห็นใจเพราะตนถือหุ้นเยอะที่สุดและในสัญญาก็ระบุว่า…อีกฝ่ายสามารถฟ้องกลับได้ถ้าผิดสัญญา ตนก็ทำทุกอย่างเพื่อป้องสิทธ์และการทำธุรกิจก็ต้องออกตามจำนวนหุ้นหรือเปล่า? ถ้าเจ็บก็เจ็บที่ตนเยอะสุดโดย

ก่อนหน้านี้ได้มีการคุยเพื่อนัดคืนเงิน แต่อีกฝ่ายมีด่าและขู่จะทำลายชื่อเสียงก็ไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยมีการปรึกษา “ไผ่ วันพอยท์” เขาก็บอกให้มีทนายมาช่วยเรื่องนี้ ยันที่อีกฝ่ายพูดว่าไม่เคยคุยเรื่องเงินไม่เป็นความจริงมีการคุยแล้วแต่โดนชี้หน้าและอีกฝ่ายพูดด้วยอารมณ์ทั้งสิ้น

ด้านทนาย บอกอีกว่า ตอนนี้คดีขึ้นสู่กระบวนศาลเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย แต่ต้องมาคุยให้จบมีอะไรต้องรับผิดชอบด้วยกันและยินดีคืนเงินอยู่แล้ว แต่ต้องรับเงื่อนไขให้ศาลไกลเกลี่ยคาดน่าจะจบเดือนหน้านี้
“ดิว อริสรา” เผยต่อว่าตอนแรกที่นัดคุยก่อนหน้านี้จะไปคุยคืนเงิน แต่มีปากเสียงถูกขู่ด้วยและอีกฝ่ายอยากให้ตนรับจบไปเลยคนเดียว หาว่าซื้อของแพงมาใส่ที่ร้าน แต่พอคุยไปก็คุยไม่รู้เรื่องเลยต้องเพิ่งทนาย

ส่วนข่าวที่ตนใช้เงินฟุ่มเฟือยจัดงานวันเกิดนั้น ก็ยอมรับเป็นคนใช้เงินเก่งแต่ไม่ได้เอาส่วนนั้นไปใช้ สาเหตุที่ไม่คืนอย่างที่บอกเพราะมีคดีกับเจ้าของตึกอยู่

ซึ่งหุ้นส่วนอย่าง “หนูนา หนึ่งธิดา” ก็พร้อมให้สัมภาษณ์เขาไม่มีปัญหาเลย  ครั้งหน้าจะเชิญเขามาด้วยและเขาก็ยังไม่ได้เงินคืน เขาไม่เอาไม่อยากทิ้งตนคนเดียวและที่ให้หุ้นส่วนไปแล้วเพราะเขามาคุยว่าเดือดร้อนจริงๆ

ซึ่งทุกๆเงื่อนไขก็ได้ให้เขาเซ็นเป็นสัญญากู้ยืมเงินเพราะกลัวผู้ไม่ประสงค์ดีมาเล่นอีกหุ้น ส่วนคนนี้คุยรู้เรื่องให้เงินเขาไปเหมือนเป็นการยืมกันมากกว่า

ทั้งนี้ทนายเผยว่า ถ้านัดครั้งหน้าแล้วมีการคุยบรรลุข้อตกลงก็อยากให้ยอมรับเงี่ยนไขที่เสนอไปบ้าง ไม่ใช่เขาจะมาเสนอเอาอย่างเดียว

โดย “ดิว อริสรา” บอกต่อว่า…วันนี้มาศาลด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ผ่านมาตนโดนดิสเครติดหนักมาก และกลัวถ้าพูดอะไรไปแล้ว กลัวจะเป็นประเด็นหนักยัน

วันนี้เจอหน้ากันก็ไม่คุยเพราะไม่มีใครมาเห็นภาพที่เจอกันข้างบน ซึ่งอีกนิดเขาจะเข้าถึงตนแล้ว หวั่นมีปัญหากันเลยโดนห้าม ก็รอศาลให้ไกลเกลี่ย ย้ำชัดไม่ได้ส่งคนมาข่มขู่เลย แต่ที่ผ่านมาเขาใช้สื่อเป็นเครื่องมือหรือต้องการอะไรก็ไม่รู้

ซึ่ง ทนาย เผยทิ้งท้ายว่า…ก็ได้มาพูดความจริงวันนี้อย่างที่บอก “ดิว อริสรา” มีคดีอื่นๆที่สังคมไม่รู้และเบื้องลึกการทำสัญญาเช่าที่มีปัญหา หุ้นส่วนก็มาทะเลาะกันอีก เขาจะเอาอย่างเดียวไม่ได้ ยังไงการลงทุนก็มีความเสี่ยงและยินดีพูดในชั้นศาลครั้งหน้าแต่ต้องคุยให้เข้าใจ

ดิว อริสรา” เผยทิ้งท้าย…ก็คิดว่าทุกคนเข้าใจการทำธุรกิจละเอียดอ่อน ที่ผ่านมาตนไม่พูดก็อยากให้ลองฟังดูและไม่โกรธคนที่เข้ามาต่อว่าตน เพราะไม่สามารถบังคับใครได้อยู่แล้วก็ขอเคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อน ถ้าจะทำร้านต่อซึ่งทาง “หนูนา หนึ่งธิดา” ก็บอกให้ทำต่อแต่ตนขอพักเพราะเหนื่อยมาก และอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่พอกับเรื่องนี้ รู้สึกให้คิดน้อยไปที่เซ็นรับเกือบทั้งหมดมาคนเดียว