เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

   เป็นอีกหนึ่งศิลปินเสียงเพราะ ที่เหล่าบรรดาแฟนๆต่างยกนิ้วให้ ล่าสุด “ปนัดดา เรืองวุฒิ” หลังจากมีกรณีมีชื่อเอี่ยวบริษัท ล่าสุดได้ออกมาตอบคำถามดังกล่าวแล้วว่า

“ต้องท้าวความไปไกลมาก ด้วยความที่นัทเป็นเพื่อนกับ 1 ในคณะกรรมการ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แล้วเราก็จดทะเบียนบริษัทกันขึ้นมา ทีนี้หลังจากนั้นหุ้นส่วนทั้งหมด 3 คน นัทก็มีชื่อเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนด้วย เพราะฉะนั้น แล้วแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยค่ะ เวลาที่เขาดำเนินการอะไร ทั้งสองคนจะเป็นคนที่ดำเนินการจัดการ ไม่ว่าจะทำเรื่องงาน หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นพอถึงเวลาถ้าเกิดว่ามีงานอีเว้นท์ หรือมีงานอะไรที่จะต้องใช้ชื่อแบบนี้ เราก็จะกลายเป็นหนังหน้าไฟ”

คือเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยใช่ไหม?

  “เป็นเหมือนจับพลัดจับพลูค่ะ ว่าเรามีชื่อยู่ในบริษัท เพราะฉะนั้นเนี่ยถึงเวลาแล้ว หลังจากเขาไปดำเนินงานอะไรก็แล้วแต่ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน เพราะฉะนั้นเนี่ย เราก็เกิดจากความไว้ใจแล้วก็ที่ยังอยู่ในบริษัทมาถึงตอนนี้”

หุ้นส่วนในที่นี้ คือมีแค่ชื่ออย่างเดียวใช่ไหม?

  “ใช่ค่ะ คือมีชื่ออยู่ในบริษัท แล้วก็เวลาที่เขาดำเนินการจะเป็นทั้งสองคนที่เขาคอยดำเนินการทำงานอะไรก็แล้วแต่”

อยู่ในบริษัทนี้มากี่ปีแล้ว?

  “8 ปี 9 ปีแล้วมั้งค่ะ”

แสดงว่าพี่นัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ทำซีรีย์ใช่ไหม?

  “เอ่อ ถ้าเกี่ยวก็คือเกี่ยวในเรื่องของความที่มีชื่ออยู่ในบริษัท”

แต่ว่าไม่ได้เป็นคนร่วมดำเนินการด้วยใช่ไหม?

  “ใช่ค่ะ คือจะมารู้ช่วงที่เขาดำเนินการไปแล้ว ช่วงที่มีปัญหาแล้ว เอางี้ดีกว่าเราไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ก็แล้วกันนะคะ เอาเรื่องล่าสุดที่มันเกิดขึ้นก็แล้วกัน เอ่อ พอได้มารู้อีกทีนึง คือตอนแรกเราพยายามจะ คือเราได้มีบทเรียนก่อนหน้านี้อยู้แล้ว แต่ทีนี้มันมีเรื่องของความที่ ความเกี่ยวข้องต่อเนื่องกับการที่เขาไปรับงานไว้ก่อนแล้ว น่าจะไปรับงานไว้ต่อเนื่อง มันก็เลยทำให้นัทยังมีชื่อต่อเนื่องมาเรื่อยๆ มาจนถึงวันนี้นี่แหละค่ะ”

จริงๆพี่นัทมีเรื่องลายเซ็นอะไรที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ 2 คนนี้ไหม?

  “โอ้! ถ้าเป็นเรื่องตรงนี้เนี่ย รู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการว่าถึงคดีความ นัทไม่น่าจะสามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องคดีความได้มากนัก”

ก่อนหน้านี้เราได้ผลประโยชน์อะไรกับบริษัทไหม

ไม่เคยค่ะ?

  “เมื่อเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ทำไมเราถึงยังไม่ตัดชื่อออกจากตรงนี้เลยอย่างที่บอกเขาน่าจะรับงานเอาไว้ต่อเนื่องกันมา ชื่อนัทก็เลยยังมีความต่อเนื่องกันมา แล้วก็ตามที่ศึกษามา คือเราเอาชื่อออกจากการเป็นกรรมการ แต่ว่ายังไงก็ยังมีหุ้นส่วน เพราะว่าการจดทะเบียนบริษัทมันจะต้องมีกี่คนๆ ก้แล้วแต่ เพราะฉะนั้นก็ยังไปไหนไม่ได้ แล้วก็ด้วยความที่ว่าเราก็ไว้ใจ ที่เป็นเพื่อนกันมาด้วย เราก็พยายามที่จะเป็นกำลังใจให้เขาในการที่เขาแก้ปัญหา ให้เขาแก้ปัญหาให้ผ่านไปทีละจุดๆ ทีละเปราะๆ แต่ว่าอย่างที่บอก น่าจะเป็นงานที่เขารับเอาไว้ต่อเนื่องแล้ว เพราะส่วนใหญ่แล้วทั้งสองคนจะเป็นคนที่ดำเนินการ เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร”

อย่าง มิส โกลเบอล เราก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน?

  “ไม่มีเลยค่ะ”

แล้วถ้ามีการฟ้องเรื่องเกิดขึ้นเราจะโดนด้วยไหม?

 “อย่างที่บอก ถ้ามันเป็นเรื่องการฟ้องร้องเรื่องของคดีความ นัทไม่น่าจะพูดอะไรได้มาก เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางคู่กรณี ทั้ง 2 ฝ่าย เขาน่าจะมีการดำเนินการ เตรียมการอะไรของเขากันอยู่ ซึ่งนัทก็พูดทางฝั่งนี้ไม่ได้ ฝั่งเอ ฝั่งบี พูดไม่ได้ทั้งสองฝั่งเลย เพราะว่าเราไม่ได้รับรู้ของทั้งฝั่งไหนเลย คือมารู้แค่ตอนที่ว่ามีปัญหาแล้ว”

แล้วทางฝั่งเพื่อนว่ายังไงบ้าง?

  “สิ่งที่บอกคือ ฉันจะทำยังไงที่จะสามารถปกป้องชื่อเสียงของ้ราได้บ้าง ปกป้อง เราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่โด่งดัง ดี่เด่นมากในวงการบันเทิง แต่ว่าเราก็อยู่มานานแล้วมีที่อยู่ในวงการบันเทิงที่เล็กๆตรงนี้ของนัทมานานแล้ว เราก็ไม่อยากจะให้สิ่งที่เราทำๆมา แฟนคลับอะไรที่เขาชื่นชมในตัวเรา มองเราไปในทางที่ไม่ดี เราก็พยายามจะถามเขาว่า เขาพยายามจะทำอะไรปกป้องชื่อเสียงอะไรตรงนี้ให้เขาได้บ้าง สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ ก็พยายามจะแก้ปัญหาในวิธีของเขาอยู่ เราก็เฮ้อ!”

หลังจากนี้จะขอถอนชื่อออกมาจากบริษัทเลยไหม?

  “อย่างที่บอกคือนัทถอนจากการเป็นกรรมการค่ะ เพราะจริงๆแล้ว ถึงมีนัทอยู่เป็นกรรมการ นัทก็ไม่ได้ตัดสินใจอะไร ไม่ได้มีส่วนจะไปรับรู้อะไรกับเขาเลย เพราะว่ามันไม่ได้มีการประชุมกันว่าจะดำเนินการอะไรยังไง แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เราก็ต้องประชุมกันอย่างจริงจังทั้ง 3 คน ว่าสุดท้ายแล้วจะจัดการตรงนี้ยังไงบ้าง เพราะว่าจะว่าไปผู้เสียหายมันไม่ใช่แค่คนนอกบริษัทแล้ว เราก็อยากจะ นัทไม่อยากให้คนภายนอกเข้าใจผิดว่า เฮ้ย เอาจริงๆไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าทุกคนอยากจะทำงาน อยากจะให้งานสำเร็จลุล่วง แต่พอเกิดปัญหาขึ้นแล้วเนี่ย คนทุกคนจะมีวิธีบริหารจัดการว่าจะทำยังไงบ้างให้ทุกๆคนได้รับผลเสียน้อยที่สุด”

แบบนี้จะถึงขั้นเสียเพื่อนเลยไหม?

 “ยังพยายามที่จะให้กำลังใจเขาอยู่นะคะในการที่เขากำลังแก้ปัญหา เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ด้วยความที่เราเหมือนคบกันมานาน รู้จักกันมานาน ถึงแม้ว่าเรื่องการงานเราไม่ได้รับรู้นะคะว่าเขาทำอะไรมายังไง แต่พอมีปัญหาขึ้นมาแบบนี้ เราก็ต้องดูเจตนาของเขาด้วยว่าเขามีเจตนาที่จะแก้ปัญหาแบบไหน  เพราะว่าสุดท้ายเราก็เป็นหนึ่งในนั้น มีชื่ออยู่ในนั้น”

คือตอนนี้เขาก็กำลังแก้ปัญหาอยู่ใช่ไหม?

  “ใช่ค่ะ เท่าที่คุยกัน เขาพยายามแก้ปัญหาอยู่ เขาพยายามที่จะรีบเคลียร์ปัญหาให้จบ แล้วเราค่อยมาคุยกันว่าจะทำยังไงกับจุดยืนของนัท ที่มันคาราคาซังอยู่ในบริษัท”

ทางนั้นได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการฟ้องร้องบ้างหรือยัง?

  “ตอนนี้ยังนะคะ”

หลังจากนี้บริษัทเราต้องปิดตัวลงเลยไหม หรือยังมีโปรเจกต์อะไรค้างอยู่?

  “นั่นสินะ มีไหมนะ มีค้างอยู่บ้างไหมนะ ถ้า เอาเป็นว่าขอให้แก้ปัญหาที่มันผ่านๆมา ให้มันเสร็จก่อนค่ะ พอแก้ปัญหาตรงนี้เสร็จ นัทหวังว่าเขาก็จะเคลียร์ชื่อของเขา เราก็จะได้เคลียร์ทั้งชื่อของเรา เคลียร์ทั้งชื่อเคลียร์ทั้งความรู้สึก เพราว่าคือที่ผ่านมา นัทอยู่ด้วยความที่เป็นเพื่อน แล้วก็ไว้ใจ แล้วเราเหมือนเป็นหนังหน้าไฟ คือเราอยู่ข้างหน้า เราก็พยายามแล้ว ที่จะแบบว่าดีๆนะๆ”

ตอนนี้มีปรึกษาทนายบ้างหรือยัง?

  “มีอยู่ค่ะ เพราะว่ามีเรื่องของ อะไรแบบนี้ เราก็จะต้องคิดว่าสิ่งที่เราควรจะทำที่ดีกับเราที่สุดมันคืออะไร เพราะว่าบ้างทีถ้าเกิดว่าเราเหมือนกับคิดในองค์รวมมาจนถึงป่านนี้ แต่ถ้าองค์รวมมนไม่แข็งแรงพอ หรือเกิดปัญหาขึ้น เราก็ต้องคิดแก้ปัญหาของตัวเองเอาไว้ด้วย”

แล้วอย่างตัวเงินที่เขาต้องแก้แต่ล่ะจุด เขาได้ปรึกษาไหม?

  “คือเท่าที่ทราบเขาพยายามจะแก้ปัญหาอยู่ พยายามจะหาเงิน พยายามจะแก้ปัญหาอยู่ ทราบเท่านั้นจริงๆ”

หลังจากนี้จะพาเพื่อนมาตั้งโต๊ะแถลงเลยไหม?

  “ตอนแรกเขาบอกเขาจะมานะคะ ตอนแรกเขาจะแถลงเหมือนกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะตอนนั้น นัทพยายามจะบอกเขาแล้วว่าอย่างน้อย ซับพอร์ตเรานิดนึง แต่ว่าการที่เขายังไม่ออกมาอะไร เขาอาจจะกำลังจัดการอะไรของเขาอยู่”

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online