“โรคเอดส์” โรคนี้ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ มีเพียงยาต้านไวรัสเท่านั้น ที่จะช่วยให้เชื้อไวรัสเอดส์ลดลง ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีข้อดีคือทำให้ไวรัสลดลง มีภูมิคุ้มกัน CD4 เพิ่มขึ้น แต่มีข้อเสียคือทำให้เกิดภาวะผิดปกติ เช่นตับอักเสบ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคไต ปลายประสาทอักเสบ ปวดเมื่อยตามข้อตามตัว ผื่นขึ้นเต็มตัว แขนตอบ ขาลีบ เราลองมาดูสมุนไพรที่ไม่มีผลข้างเคียงกันมั่งดีกว่า
การรักษาด้วยสมุนไพรอาจได้ผลการรักษาไม่เหมือนกัน บางคนรักษาได้ผลดีแต่ในผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่เห็นผลชัดเจน ซึ่งจะเป็นความจริงเพราะเอชไอวี เอดส์ยังแตกต่างกันในผู้ป่วยทุกรายและผู้ป่วยเอดส์ทุกคนมีความแตกต่างกันของตัวเองในส่วนที่เกี่ยวกับไวรัส แต่ไม่เคยมีการรายงานว่ามี effects หรือผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการรักษาสมุนไพรของผู้ป่วย
1. เนื้อและเปลือกมังคุด ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็สามารถใช้รักษาเอชไอวี อีกทั้งยังป้องกันมะเร็งและหลอดเลือดหัวใจ แต่ถ้าคุณต้องการผลเป็นธรรมชาติมากขึ้นคุณสามารถทำน้ำมังคุดของคุณเอง เคล็ดลับคือค่อนข้างง่าย ใช้เปลือกมังคุดaและแยกออกเป็นสองส่วน แยกเนื้อและขูดผิวด้านในของเปลือกมังคุดที่สีแดง ใส่ลงในเครื่องปั่นที่ได้รับผสมกับน้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานและเพิ่มน้ำเพียงพอ หรือสามารถผสมกับผลไม้ที่คุณชื่นชอบ การกินมังคุดเป็นประจำกินสามารถทำให้อมตะเพราะผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสุดที่ทำหน้าที่ในการรักษาและซ่อมแซมเซลล์เสียกลายเป็นดีขึ้นอีกครั้ง มังคุดช่วยทำลายทุกโรคในร่างกายและเพิ่มภูมิต้านทาน และเชื่อว่ามังคุดสามารถรักษาโรคทางเอชไอวี
2. ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นพืชที่มีประโยชน์มากต่อร่างกาย สมัยก่อน นำมาใช้บำรุงผิวพรรณให้นุ่มนวล รักษาการเผาไหม้บนผิวหนัง มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียบาง ย้อนกลับไปในยุค 70 การวิจัยพบว่าว่านหางจระเข้มีสารที่ช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายมนุษย์ การวิจัยยังช่วยในการค้นพบว่าพืชที่มีสารต่อต้านไวรัส polysaccharides ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ย้อนกลับไปในยุค 80 การวิจัยผู้ป่วยโรคเอดส์ 8 คน ใช้เวลาประมาณ 90 วัน ผู้ป่วยที่กินว่านหางจระเข้ และในระยะยาว เมื่อตรวจสอบไวรัสในเลือดก็ลดลง ผู้ป่วยเอดส์อาจจะใช้ดื่ม7 ออนซ์ในรูปเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส หลังจากช่วงเวลา 14 เดือน ก็สังเกตเห็นว่าสุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้น นอกจากการต่อสู้ไวรัส แต่มันยังช่วยเพิ่มความงามตามธรรมชาติของผิวพรรณของผู้ป่วย
3. ชาสมุนไพร
ชาสมุนไพรไม่ได้เป็นเพียงประโยชน์ในการช่วยไขมันส่วนเกินและในทางกลับช่วยในการลดน้ำหนักตรงกันข้ามก็จะมีการรายงานเพื่อช่วยในการโต้ตอบไวรัสเอดส์ในร่างกาย มีจำนวนของชาสมุนไพรที่มีอยู่ในตลาด แต่ผู้ป่วยโรคเอดส์จะต้องผ่านการยินยอมจากแพทย์ผู้รักษา ถ้าชาถูกเคี่ยวประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะดื่มมันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลการวิจัยว่าชาจะช่วยให้ค่อยๆยับยั้งไวรัสเอดส์
วิธีการที่ชาสมุนไพรทำงานก็คือโดยการช่วยให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายซึ่งจะทำให้มีความเสี่ยงต่อไวรัส เมื่อไขมันถูกกำจัดออกร่างกาย ก็จะกลายเป็นวิธีการที่เป็นไปได้มากขึ้นที่จะตอบโต้ไวรัสเอดส์
by TVPOOL ONLINE