เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เรียกได้ว่าอยู่วงการมากมายเป็นทั้งตลกดังและนักแต่งเพลงอย่าง โน้ต เชิญยิ้ม กว่าจะมาถึงจุดนี้เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ล่าสุด โน้ต เชิญยิ้ม ได้ควงคู่ภรรยามาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง ONE 31 ถึงเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ต้องฟันฝ่ากว่าจะมีถึงทุกวันนี้

ผ่านอะไรมาเยอะ เล่าให้ฟังหน่อยตอนที่ลำบากสุดๆ เป็นยังไง?

โน้ต : มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากลูกเรียนจบแล้วก็จะต้องเข้ามหาวิทยาลัย เราบ้าไปทำวงดนตรีลูกทุ่ง เสร็จแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ แล้วมันก็แย่เลย แย่ถึงขนาดเพื่อนก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี น้ำ ไฟก็โดนตัด แต่รู้สึกว่ามันอยู่กันแบบมีความสุข คือมีความสุขไม่มีใครมายุ่งในชีวิตเราแล้ว”

“เรามองหน้ากัน 2 คน แล้วลูกก็ต้องพักเรียนด้วย แต่ผมว่ามันเป็นความสนุกบนความลำบาก คนเราทุกคน มีความเครียดความลำบากอยู่ในตัว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี แต่เราจะแยกแยะยังไงว่าความลำบากที่เข้ามาหาเราเนี่ยเราเป็นคนก่อ หรือสวรรค์เป็นคนเขียนบท อันนี้น่ากลัวมาก เราก็ต้องพยายามทำตัวอย่าให้เครียด สิ่งที่เราคิดว่ามันไม่ดี ลองทำดูใหม่อีกที ถ้ามันไม่ได้ค่อยรีบเปลี่ยน อย่าไปจมอยู่กับมัน”

อดีตผ่านมาแล้ว ปัจจุบันเห็นว่าซื้อรถเบนซ์ให้เมียด้วยจริงไหม?

โน้ต : “จริงๆ เขาอยากได้อะไรเขาก็ซื้อของเขาเองนะ เพราะว่าผมไม่เคยรู้ว่าผมมีตังค์หรือเปล่า”

ต้อย : “พอได้แล้วก็แฮปปี้ค่ะ เพราะว่ามันเป็นคันที่ราคามันสูงนิดนึง เราก็มีหน้ามีตาขึ้นมานิดนึง สามีซื้อให้”

ในอดีตเป็นคนเจ้าชู้โดนจับได้ตลอดจริงไหม?

โน้ต : “ตอนนั้นผมเลิกงานเสร็จไปเที่ยวคาเฟ่แถวขนส่งสายใต้ แล้วคุณต้อยตามไปแอบดูว่าผมมาเที่ยวจริงหรือเปล่า เขาก็ไปซุ่ม คลานดูอยู่ใต้ท้องรถสุดท้ายก็ไม่เจอผม เพราะมัวแต่คลานเลยไม่เห็นว่าผมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

ต้อย : ต้องคลานเพราะกลัวเขาจะเห็น ไปตามเขาแต่ก็กลัวนะ แล้วเราก็ไปถามแม่ค้าผลไม้ว่า เห็นตลกที่ชื่อโน้ตไหม เขาก็บอกว่าออกไปแล้ว เราถามต่อว่า ออกไปกับใคร เขาบอกว่าออกไปกับผู้หญิง เราก็แบบโอ้โหอุตส่าห์คลานแทบตาย เหนื่อยแทบแย่ดันจับไม่ได้อีก”

วงการตลกยกให้เป็นระดับอาจารย์ ชั้นครูแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?

โน้ต : “คือตลกเนี่ยพอรุ่นใหญ่กว่าเราก็จะเรียกอาจารย์ไปโดยปริยาย ไม่ได้บังคับให้ใครเรียก เขาเรียกแบบนับถือ คำว่าอาจารย์บางทีก็ไม่จำเป็นว่าต้องไปสอนเขา เขาอาจจะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่เขามองแล้วต้องเรียกอาจารย์”

แต่ก่อนหน้านี้ ก็โดนดูถูกมาเยอะเหมือนกัน รู้สึกยังไงบ้าง?

โน๊ต : “ผมว่ามันอยู่ที่ใครจะมอง ทุกคนมีสิทธิ์จะคิด เพราะว่าความคิดของมนุษย์เราเนี่ยมันเป็นอิสระ เขาเรียกว่าอิสระทางความคิด เขาจะคิดอย่างไรก็ได้ แล้วเมื่อเขาคิด เราจะเป็นอย่างที่เขาคิดไหม แล้วก็เราก็ไม่ใช่ว่าเราเก่งหรือเหนือกว่าคนอื่น หรือเรารอบรู้ ผมว่าใครก็เป็นได้นะ ถ้ารักมันแล้วก็ศึกษามัน ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมคิดว่าคำพวกนี้มันเด็กมาก สำหรับผมเลยเฉยๆ”

เห็นว่าปั้นตลกมาดังหลายคน แล้วสุดท้ายลืมบุญคุณ เรื่องนี้เป็นยังไง?

โน้ต : คือคนเราเมื่อเป็นลูกน้องก็อยากเป็นเถ้าแก่ เมื่อเขาอยากเป็นเถ้าแก่เขาก็ไป แต่วิธีไป มันต้องไปแบบเรือ จะไปท่าต้องอยู่ ตัดบัวต้องมีเยื่อใย ยังไงเราก็ต้องเจอกัน คือคนที่เขาอยู่กับเรานานๆ เขาจะรู้เราหมดทั้งเรื่องดีและไม่ดี แล้วเวลาไปจากเราเขาจะเอาเรื่องอะไรของเราไปเล่าให้คนอื่นฟังบ้างเราก็ไม่รู้ เพราะคนเรามีทั้งมุมมืดและมุมสว่าง แค่เวลาออกไปแล้วพูดเรื่องดีๆ กันบ้างเท่านั้นเอง ไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกันว่ามีใครบ้าง แต่ตอนนี้ก็รักกันดีแล้ว”

เห็นว่ามีเรื่องเฉียดตาย เกือบเคยโดนมือปืนประกบยิง จริงไหม?

โน๊ต : “รอบแรกทำงานเสร็จก็จะกลับบ้าน มือปืนมาจากไหนไม่รู้ มาประกบจะยิงแต่เขาบอกเห็นลิเกเต็มคันรถ เลยไม่กล้ายิง ซึ่งตอนนั้นผมกลับคนเดียวนะอาจจะเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไว้”

“อีกครั้งหนึ่งตอนตี 3 กว่า ไปนั่งกินข้าวต้มตรงแถวรัชดากับศรีหนุ่มแล้วก็ตลกด้วยกัน ก็มีจิ๊กโก๋นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง เห็นเราเป็นตลก เขาก็บอกว่าให้ร้องเพลงให้ฟังหน่อย เราก็บอกตี 3 กว่าแล้ว จะร้องเพลงอะไร ผมขอกินข้าวก่อน เขาก็ไม่พอใจ สักพักเขาก็สั่งเป็ดพะโล้มาจานนึง แล้วก็บอกไม่ต้องใส่เลือดนะ เดี๋ยวเลือดเอาที่โต๊ะไอ้โน้ต เราก็เห็นว่าท่าจะไม่ได้เรื่องแล้ว เรากลับดีกว่า พอเราจะกลับมันก็ขยับมา ด้วยสัญชาตญาณของเราก็เกิดชกต่อยกัน แล้วมันก็ชักปืนมายิง ผมก็กระโดดขึ้นรถ ศรีหนุ่มก็เหยียบหนีไม่ยั้ง มันก็ไล่ยิงแต่โชคดีที่ไม่เป็นไร กลับมาถึงเห็นรถเป็นรูพรุนหมดเลย”