เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ความคืบหน้ากรณี นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ “บูม บิทคอยน์” อายุ 27 ปี ดาราและนายแบบชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ร่วมกันฟอกเงิน ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5) , 5 (1) และ (2) และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 ล่าสุด  น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวได้เข้ามอบตัว โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลอกลวงผู้เสียหาย เพียงแต่ถูกใช้บัญชี ซึ่งเป็นเรื่องของ นายปริญญา จารวิจิต ซึ่งเป็นพี่ชาย

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออายัดเงินไว้ได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 40 บัญชีด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวภายหลังร่วมสอบปากคำ น.ส.สุพิชฌาย์ ว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.สุพิชฌาย์ ยังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกง หรือฟอกเงินตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าได้รับโอนเงินจากนายปริญญา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาอีกรายหนึ่ง รวมยอดเงินประมาณ 200 ล้านบาท โดยเข้าใจว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจ การเล่นหุ้น ไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งเงินกว่า 200 ล้านบาทนั้น มีการแปรสภาพไปซื้ออสังหาริมทรัพย์บางส่วนแล้ว

สำหรับขั้นตอนหลังจากสอบปากคำ น.ส.สุพิชฌาย์ เสร็จสิ้นแล้วก็จะดำเนินการในแนวทางเดียวกับ นายจิรัชพิสิษฐ์ โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน และจะคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ฝากขัง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้

ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 5-6 รายนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติของผู้ต้องหาทั้ง 3 ที่เปิดบัญชีรับโอนเงินจากการกระทำความผิด โดย 2 ใน 6 น่าจะเป็นตัวพ่อและแม่ของผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากทางตำรวจ บก.ป.ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของครอบครัวผู้ต้องหาที่ จ.ชลบุรี ได้ตรวจสอบพบเอกสารการรับโอนเงินจากนายปริญญา ไปถึงพ่อและแม่นายปริญญา ด้วย