“หยก ธัญยกันต์” เปิดใจคบแฟนหนุ่มนอกวงการ 1 ปีแล้ว ประทับใจอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ไม่มีนิสัยผู้หญิง มีบทเรียน รักครั้งนี้ไม่โฉ่งฉ่าง กดดันแม่อยากอุ้มหลาน บอกการแต่งงานไม่ใช่คำตอบสุดท้าย คู่เพอร์เฟกต์ยังเลิกได้ แต่รับอยากให้รักครั้งสุดท้าย
เพิ่งโพสต์ภาพประกาศว่าไม่โสดแล้ว ด้วยการฉลองครบรอบรัก 1 ปีกับหนุ่มตี๋นอกวงการ ล่าสุด “หยก ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์” ก็เผยระหว่างมางานแฟชั่นโชว์ Fall / Winter 2018 Collection “THE INTERVAL” By The Parrot @ร้าน Cuisine De Garden (คูซีน เดอ การ์เด้น) เอกมัยซอย 2 ลั่นไม่อยากลงรูปคู่บ่อยๆ เพราะฝ่ายชายเขิน
“จริงๆ หยกเคยลงรูปคู่ไปแล้ว แต่ว่าก็นานแล้ว ตอนวันเกิด มาอีกรูปนึงก็คือตอนครบรอบ 1 ปีพอดี ที่เพื่อนๆ แซวเป็นเพราะว่าหยกไม่ได้ลงรูปคู่เท่าไหร่”
“เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนค่ะ เขาก็แนะนำให้รู้จักกัน เขาเป็นผู้ชายตรงๆ ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็บอก คุยอะไรชัดเจน ไม่อ้อมค้อม หยกเป็นคนชอบผู้ชายที่นิสัยผู้ชาย ไม่ชอบผู้ชายนิสัยผู้หญิง แต่จริงๆ คนเราคุยกันก็ต้องปรับทุกวัน วันนึงเราไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง บางทีอยู่ด้วยกัน ก็จะมีโมโหหงุดหงิดใส่กันบ้าง เราก็ต้องปรับกันเรื่อยๆ แต่ถามว่าทะเลาะกันมั้ย ก็น้อยมาก เรามีอะไรคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่า”
“ไม่มีอะไรให้กันเป็นพิเศษ ทานข้าวด้วยกันเฉยๆ เขาก็ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไร ถ้าจะซื้อของก็ยื่นให้เลย ไม่มีแอบไว้ ที่ไม่ลงรูปเพราะเขาเขินส่วนหนึ่งด้วย แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ในวงการ หยกไม่อยากให้งานของเรา ไปมีผลต่องานของเขา ไม่อยากให้เขารู้สึกอึดอัด”
ลั่นรักครั้งนี้ไม่โฉ่งฉ่าง เพราะมีบทเรียนจากรักครั้งก่อน
“เขาก็เขินที่คนเข้ามาแซว ก็เข้าใจนะ บางทีคนนอกวงการเขาจะไม่ชินกับการที่คนเข้ามาคอมเมนต์หรือจับตามอง หยกเฉยๆ แต่เขาบางทีเพื่อนส่งมาให้ดู เราเลยไม่ค่อยลงรูปคู่ หรือเปิดตัวมากขนาดนั้น รู้สึกสงสารเขา กลัวเขาเขิน”
“เขาไม่ได้อึดอัดนะ แต่อาจจะไม่ชินมากกว่า แล้วพูดตรงๆ ว่าหยกก็ไม่ได้อยากจะเปิดมากขนาดนั้น เพราะหลายๆ ครั้งที่ต้องมาโดนสัมภาษณ์เรื่องความรัก ตอนรักกันก็แฮปปี้ดี แต่เวลามีปัญหากัน เราต้องมาพูดเรื่องของตัวเอง ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำ ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่ ตอนนี้เลยขอมีพื้นที่ให้ตัวเองในเรื่องของความรัก เพราะเราก็มีบทเรียนจากครั้งก่อนๆ ด้วยค่ะ อาจจะยังไม่ค่อยโฉ่งฉ่าง ไม่เกี่ยวถือเคล็ดค่ะ(หัวเราะ) เกี่ยวกับความรู้สึกตัวเองมากกว่าค่ะ”
ไม่อยากตอบเรื่องอนาคต ไม่มีอะไรแน่นอน
“ก็เรื่อยๆ ค่ะ ทุกอย่างลงตัวดี เราศึกษากันมาเรื่อยๆ อนาคตไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ ณ วันนี้ก็มีความสุขดี (เขาอยากสร้างอนาคต?) อย่าเพิ่งเลย ต้องดูไปก่อน เพราะเพิ่งจะเริ่มคบกันได้ 1 ปี ยังไม่มีอะไรแน่นอน แต่ ณ วันนี้ก็โอเคค่ะ หยกว่าคงต้องอีกสักพัก ทุกคนมีแฟนก็คงไม่อยากจะเลิก ยิ่งเราเป็นผู้หญิงก็หวังว่าจะให้เป็นคนสุดท้ายตลอด แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
คู่เพอร์เฟกต์ยังเลิกกันได้ ขอแค่ทำทุกวันให้มีความสุข การแต่งงานไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
“หยกไม่ได้ขีดเส้นไว้ว่าต้องระยะเวลานานแค่ไหน เอาตามความรู้สึกดีกว่า แต่เอาความรู้สึกเราคนเดียวไม่ได้ ต้องรู้สึกกันทั้งสองคน ไหนจะครอบครัวอีก หยกว่าก็หลายอย่างรวมกันค่ะ จริงๆ ด้วยอายุของเรา คุณแม่ก็เป็นห่วง แต่ก็บอกเขาว่าไม่ต้องซีเรียส หลายๆ คนที่แต่งแล้วรู้สึกว่าเป็นคู่ที่เพอร์เฟกต์ก็ยังเลิกกันได้เลย เพราะฉะนั้นเราอยู่ยังไงให้มีความสุขทุกวันดีกว่า อย่าคิดว่าการแต่งงานคือคำตอบสุดท้ายของชีวิต”
“หยกมีโอกาสได้เจอที่บ้านเขาแล้ว เขาก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่แล้ว แต่ว่าเป็นธรรมดา ลูกผู้หญิงคนโต คุณแม่ก็อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา แต่เราก็บอกว่าอย่าไปซีเรียส เรื่อยๆ แล้วกัน”
ปัญหาโลกแตกเมื่อไหร่จะแต่ง แม่อยากอุ้มหลาน
“แม่ไม่ห่วงแล้วแหละ อายุก็เลข 3 แล้ว เขาอยากให้มีครอบครัว แต่ยิ่งอายุเรา 31 แล้ว ไปไหนก็มีแต่คนถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เป็นปัญหาโลกแตกมาก ที่หยกไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับคนสองคน หยกไม่สามารถตัดสินใจได้คนเดียว แม่อยากอุ้มหลานก็ปกติ เพราะว่ารุ่นหยก เขาเริ่มแต่งงานกันแล้ว และแม่ก็บอกว่าเอาลูกแล้วเดือนนึง หยกต้องไปงานแต่งงานเพื่อน 1-2 ครั้ง ใส่ซองไป แม่ก็ถามว่าหยกจะได้คืนมั้ยลูก เราก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกันใส่ไปเถอะ(หัวเราะ)”
กดดันถูกถามเยอะ แต่ย้ำจะไม่รีบ ถ้าเป็นเนื้อคู่หนีไม่พ้นแน่นอน
“กดดันค่ะ พูดตรงๆ ว่าเบื่อกับการที่เราต้องตอบว่าไม่รู้ค่ะ ไม่รีบ คือเป็นคำถามที่เราตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะแต่ง เพราะเราเพิ่งจะเริ่มคบกัน แต่ถ้าเกิดว่ามีข่าวดีบอกแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ (ยิ้ม) ถึงเวลาที่เหมาะสมได้แต่งแหละ ถ้าเป็นเนื้อคู่กันไม่หนีไปไหนแน่นอน”
“ถามว่าแม่เชียร์มั้ย จริงๆ เรารักใคร คุณแม่ก็รักด้วย เพราะเราเป็นคนที่อยู่ คุณแม่คอยเฝ้ามอง คอยซัปพอร์ตเราอีกที เพราะฉะนั้นถ้าหยกแฮปปี้เขาก็แฮปปี้ วันนึงถ้าเราต้องแยกย้ายจริงๆ ก็ตามนั้น เดี๋ยวก็มีคนใหม่ ไม่ต้องคิดอะไรมากค่ะ(ยิ้ม)”
