คำว่าดารารายได้เยอะ…เยอะแค่ไหน? คำถามนี้เทียบไม่ยากเอาแค่งานอีเวนต์หนึ่งงาน ดาราระดับพระเอก-นางเอกรับอีเวนต์ 2 ชั่วโมง ค่าตัวที่ได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท บางรายดังขั้นซุปตาร์ฟาดกันไม่ต่ำกว่า 150,000 บาทต่องาน
แม้มีวลีที่ว่า ‘ไม่มีสิ่งใดจีรัง นอกจากความตายและภาษี’ แต่ก็ยังมีหลายคนที่พยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชนะความตาย และ เลี่ยงภาษี เพราะเงินทองแม้เป็นเรื่องนอกกาย แต่บางคนมีความคิดว่า ก่อนตายขอใช้เงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบากแบบเต็มๆ ไม่ต้องไปเสียภาษี อย่างที่เป็นกระแสดังตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ ‘ฟ่าน ปิงปิง’ ซุปตาร์ชาวจีน ที่ทางการจีนจับกุม และควบคุมตัวในเรือนจำ จากข้อหาเลี่ยงภาษี กว่า 4 พันล้าน ด้วยวิธีการทำสัญญาจ้างสองฉบับ หรือ สัญญาหยินหยาง โดยกรณีของ ฟ่าน ปิงปิง นั้นถือเป็นเพียงไม่กี่คดีเท่านั้นที่ผู้กระทำผิดกรณีหลบเลี่ยงภาษี ถูกดำเนินการทางกฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น
ประชาชนเดินดินกินข้าวแกงเอาค่าเฉลี่ยง่ายๆ จบปริญญาตรีรายได้เดือนละ 15,000 บาท (ซึ่งยังมีประชาชนอีกมายมากที่รายได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยนี้) ทำงานทั้งปีถึงจะได้เงินเท่าดาราซุปเปอร์สตาร์ที่ไปออกงานอวดความสวยหล่อ 2 ชั่วโมง!
นี่ยังไม่รวมรายได้จากการแสดง การขึ้นคอนเสิร์ต งานพรีเซ็นเตอร์ ฯลฯ อีกมากมายของดารา
แต่เอาเป็นว่าประเด็นดารารายได้มากกว่าคนธรรมดาอย่างมหาศาลนี้ เราไม่ขอหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อถกเถียง เพราะคนหนึ่งคนกว่าจะขึ้นมาเป็นดาราดังค่าตัวแพงได้ นอกจากหน้าตาและความสามารถแล้ว บุญวาสนาก็มีส่วน ฉะนั้นการก้าวขึ้นมาเป็นดาราดังรายได้ดี จึงไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้
ที่สำคัญดาราแต่ละคนกว่าจะทำให้ตนเองโด่งดังจนก้าวขึ้นสู่จุดที่ “ชื่อเสียง” มี “มูลค่า” ได้นั้นต้องฝ่าฟันอะไรมามาก ซึ่งการฝ่าฟันในแต่ละช่วงชีวิตก็ถือเป็นการลงทุนที่มีมูลค่า นับเป็นคอร์ส (Cost) ที่ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เมื่อโด่งดังแล้วดาราจะใช้ชื่อเสียงปั๊มรายได้ให้กับตนเอง
แต่คำถามคือ…เมื่อก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้นอกจากความบันเทิงที่ดาราจะมอบคืนสู่สังคมได้แล้ว ดูเหมือนรายได้มหาศาลของเขาและเธอยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็น “ภาษี” พัฒนาชาติได้มากมาย แต่ทำไมดาราบางคนต้องเลี่ยง?
ปกติภาษีที่ดาราต้องจ่าย ถ้าในกรณีเขาคือบุคคลธรรมดาก็มี ภาษีหัก ณ ที่จ่ายและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ถ้าเขามาในรูปแบบบริษัทนิติบุคคลก็จะมีในรูปแบบภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามา
โดยภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้น ปกติเวลาดารานักแสดงไปดำเนินการรับจ้าง หรือพูดง่ายๆ ก็คือรับงานแสดง งานโชว์ตัว งานถ่ายแบบ ฯลฯ ก็จะมีการหักภาษีในเรื่องค่าจ้างทำของ ร้อยละ 3 (ส่วนใหญ่จะเลี่ยงใช้คำว่าค่าแสดง เพราะค่าแสดงจะหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 5) ซึ่งบางครั้งดาราก็ไม่ได้รับเองมีการใช้เอกสารของผู้อื่นให้รับแทน จุดประสงค์เป็นการกระจายรายได้เพราะเมื่อสิ้นปีรวมรายได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคล ดาราคนนั้นๆ ก็จะมีรายได้ไปคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายน้อยกว่าความเป็นจริง (เมื่อรายได้น้อยก็เสียภาษีน้อย)
อย่างที่เคยมีเคสของดาราสาว “พลอย เฌอมาลย์” ที่มีปัญหากับออแกไนเซอร์ จนลุกลามไปถึงเรื่องการหลบเลี่ยงภาษี สำหรับประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ระบุว่า ผู้ใด (1) โดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรตามลักษณะนี้ หรือ (2) โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรตามลักษณะนี้ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
สำหรับกรณีที่มีการหลีกเลี่ยงภาษี โดยการใช้บุคคลอื่นเป็นผู้รับเงินแทน และทำให้การหักภาษี ณ ที่จ่ายผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ผู้จ่าย และผู้รับเงินได้มีความรับผิดร่วม ซึ่งหากดาราดังกล่าวได้รับเงินได้ในเดือนสิงหาคม บริษัทผู้จ่ายเงินได้ก็ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภายในวันที่ 7 กันยายน กรมสรรพากร จะได้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายในทันที
และด้วยเหตุที่ดารานิยมใช้คณะบุคคลรับเงินแทนเพื่อเป็นช่องทางในการเลี่ยงภาษี ส่งผลให้สรรพากรไม่อนุญาตให้ใช้คณะบุคคลรับเงินแทน เอาชัดๆ ก็คือ ณ ตอนนี้ “ดาราไม่สามารถใช้คณะบุคคลมารับค่าจ้างแทนได้” ดาราบางคนก็มีวิธีลดยอดภาษีที่ทำกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นั่นก็คือการจัดบริษัทขึ้นมารับเงินค่าตัวและรายได้จากแหล่งต่างๆ
ความจริงมีวิธีเลี่ยงภาษีแบบที่ถูกกฎหมาย ที่เรียกว่า ‘การลดหย่อนภาษี’ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป แต่ผู้มีรายได้บางคนอาจไม่พอใจเลยหาช่องโหว่และวิธีการต่างๆ เพื่อเลี่ยงภาษีให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญผู้มีรายได้ส่วนนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนดัง นักธุรกิจ นักการเมือง และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ที่ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะเลือกเส้นทางนี้ ซึ่งมีใครบ้างนั้นไปดูกัน





คุณผู้อ่านอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าแค่เหล่าดาราคนดังเลี่ยงภาษีเล็กๆ น้อยๆ จะต้องเดือดร้อนอะไรกันหนักหนา ถ้าดาราเสียภาษีกันอย่างถูกต้อง แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่เลี่ยงสรรพากร สรรพากรจะเก็บเงินเข้าประเทศได้มากขึ้นไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี ทุกวันนี้ยอดภาษีเต็มๆ จากภาษีเงินได้ของดาราคาดว่าหายไป 20-30 เปอร์เซ็นต์นะจากยอดจริงที่ควรจะได้ หากเงินเหล่านี้ได้นำมาเสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็สามรถนำไปใช้พัฒนาสังคมได้เป็นประโยชน์มากขึ้นแน่นอน
by TVPOOL ONLINE