ชื่อ ดีใจ ดีดีดี เปลี่ยนมานานหรือยัง?
ผัดไท : เปลี่ยนมานานแล้วนะคะ สัก 5-6 ปีได้แล้ว เปลี่ยนมาเยอะค่ะ มีความรู้สึกว่าชื่อมันเป็นอะไรอยู่กับตัว พอเรียกปุ๊บเราจะรู้สึกเลย เราก็อยากจะได้ยินแต่คำดีๆแล้วชื่อนี้ทีแรกที่ไปเปลี่ยนที่เขตเนี่ย อยากชื่อดี นามสกุลดีเฉยๆ
ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้ แล้วทำไมต้องเป็นชื่อนี้?
ผัดไท : คิดว่าคนอย่างพี่จะมีใครตั้งให้เหรอคะ(หัวเราะ) ตั้งเองคิดเองค่ะ คือเราไปฟังเทศน์ที่โบสถ์ ชื่อเนี่ยถ้าเกิดเป็นชื่อเสียงแบบไหนเนี่ยความรู้สึกมันก็จะนำพาความเชื่อเราไปแบบนั้น พี่ก็เลยรู้สึกว่าคำว่า “ดี” มันอยู่คู่กับคนไทยมานาน แรงบันดาลใจของพี่มี 2 คน คือ “พี่กอบสุข จารุจินดา” เราก็คิดว่าทำไมชื่อกอบสุขแล้วชีวิตนางก็กอบโกยแต่ความสุข แล้วอีกคนนึงที่เป็นที่มาของชื่อนี้คือ “พี่เด๋อ สมใจ สุขใจ” เราก็ปลื้มชื่อ 2 ท่านนี้มานานแล้ว เอาเป็นชื่อแบบไทยที่ดีแล้วเขียนง่ายเราก็อยากได้ชื่อแบบนี้ คิดยังไม่ออก ตอนนั้นที่ไปเปลี่ยนก็อายุเยอะแล้ว ก็เลยอยากได้ชื่อที่มันเรียกง่ายๆไม่วิริศมาหรามาก ก็เลยอยากชื่อ “ดี” นามสกุล “ดี” แต่เขาก็ไม่ให้เปลี่ยน ก็ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน
ได้ข่าวว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว “ท็อป ดารณีนุช” ถึงกับโทรมาด่าจริงไหม?
ผัดไท : แล้วชื่อ “ดีใจ ดีดีดี” ความหมายดีไหม แต่มันก็ยังเป็นอริกับบางงาน คืองานศพ พ่อพี่ท็อปเสียชีวิต นี่ก็เพื่อนรักพวงรีดใหญ่ยักษ์มาก แล้วเขียนชื่อว่า”ดีใจดีดีดี” ให้เอาไปส่ง ดารณีนุชโทรมา “อีผัดพ่อกูตายมึงดีใจทำไม”(หัวเราะ) เหมือนกับดีใจที่พ่อเสีย เราก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้พี่เคืองรีบโทรไปบอกที่ร้านให้เขียนป้ายใหม่แล้วเอาไปเปลี่ยนที่งานเขียนว่า “ผัดไท ดีใจ” เห็นไหมว่ามันก็ยังเป็นอริกับบางอย่างได้
เวลาไปต่างประเทศแล้วต้องผ่านตม. ลำบากไหม?
ผัดไท : ใช่ คือในความคิดของฝรั่งกับเราเขาไม่เหมือนกัน คนเปลี่ยนชื่อบ่อยๆคือต้องหนีอะไรสักอย่าง มีพิรุธ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราเปลี่ยนเราไม่ได้มีอะไรเราแค่เอ็นจอยเฉยๆ ก็จะลำบากบ้างนิดหน่อยในการเดินทางไปต่างประเทศ คิดว่าคงไม่เปลี่ยนอีกแล้วแหละ
เปลี่ยนชื่อมาแล้วชีวิตดีขึ้นเหมือนอย่างที่อยากได้ไหม?
ผัดไท : ดีสิคะ เพราะว่าอย่างสมมุติเวลาเราไปติดต่อที่ธนาคาร หรือสถานที่ต่างๆ มันจะมีเคาน์เตอร์ แล้วเราก็ส่งเอกสารที่มีชื่อของเราไป เขาก็จะหัวเราะก่อน แล้วก็อ๋อพี่นี่เอง เวลาไปแบงค์จะไปนานมากเพราะต้องไปเล่นตลก(หัวเราะ) แล้วเวลาไปที่ไหน คนอ่านปุ๊บ คือจะไม่มีหน้างอใส่กันอ่ะ มันก็จะมีความบันเทิง อันนี้เป็นสิ่งแรกที่เราแฮปปี้ คนเราพอเปิดตัวกันด้วยรอยยิ้มมันไม่มีทางกลายเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากมันจะเตลิดไปเรื่อยๆอะไรแบบนี้
เรื่องความรัก เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างตอนนี้?
ผัดไท : ความรักไม่มีค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เป็นโสดมาเนี่ย ก็ไม่ได้มองหาอีกเลย คือเหมือนกับว่าโบนัสได้รับไปแล้ว พออายุมันเปลี่ยน ประเด็นความรักมันก็ไม่มองเลย ไม่มองหาไม่อะไรเลย เพราะว่ามีความรู้สึกว่าเราสนุกอ่ะ อันนี้จริงๆนะ เพื่อนก็ดีมาก ดูในกลุ่มสิลองคิดดูเวลาอยู่รวมกลุ่มกันนะ มันไม่มีเวลาที่จะแบบเครียด ถ้ามีแฟนจะมีปัญหานะพี่ว่า เพราะว่าคนมีแฟนมันก็ต้องมีเวลาให้แฟนถูกไหมคะอะไรแบบนี้ มันจะทำให้เสียเวลาในการอยู่กับเพื่อนมาก แล้วอยู่กับเพื่อนมันก็สนุกมากแล้ว มันเหมือนกับว่าตาพี่ไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นนั้นเลยค่ะ
ถามย้อนกลับไปนิดนึง “หย่า” มากี่ปีแล้ว?
ผัดไท : น่าจะประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ คนนี้เป็นแฟนคนแรกค่ะ ก็รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย คบกันถูกตาต้องใจกันตอนนั้นเลย คือเด็กสมัยก่อนพ่อแม่จะดุมากแล้วจะได้อยู่กันใกล้ๆก็ตอนที่พากันไปติว ไปเข้าชมรม ทำกิจกรรมโรงเรียน ก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้จักกันนาน ตั้งแต่สมัยเรียนอะไรแบบนี้
พูดได้ไหมว่าทั้งชีวิตมีแฟนคนเดียวและครั้งเดียวเลย?
ผัดไท : ค่ะ ก็มันชอบคนเดียวจะให้ทำไงอ่ะ มันหล่ออ่ะ(หัวเราะ) ไม่หรอกคือพี่เป็นคนชอบคนนิ่งๆเงียบๆ เพราะพี่จะพูดเยอะแล้ว แต่แฟนพี่จะไม่พูดอะไรเลยนะ จะนิ่งฟังอย่างเดียว มันก็เลยทำให้พี่ชอบแต่ถ้าแย่งพูดพี่ก็คงไม่ชอบ
สาเหตุที่หย่ากัน เพราะอะไร?
ผัดไท : ที่อยากการสมยอมทั้งคู่เหมือนกัน คือคนเรามันจะเป็นแบบนี้ มันจะมีพัฒนาการใช่ไหม สมัยตอนเราเป็นเด็กเราจะติดพ่อแม่ถูกไหมคะ หากไม่ได้เลย แล้วพอโตทำไมเราห่างพ่อแม่ได้ ทำไมเราไปอยู่กับเพื่อนได้อะไรได้ เพราะฉะนั้นสมัยก่อนตอนเราเป็นแฟนกันนะ ยุคก่อนที่จะแต่งงานมันก็จะเป็นอารมณ์แบบที่มีแฟนก็ต้องติดแฟน พอแต่งงานอยู่กันไปนานๆ พี่อยู่กันมา 23 ปีนะคะ จนกระทั่งพอแก่ เหมือนต่างคนก็คนละอย่างคนละคิดแล้ว มันอิ่มตัว แล้วที่บ้านเราสามคนพ่อแม่ลูกจะคุยกันทุกอาทิตย์ เหมือนประชุมเล็กกันตลอด จนกระทั่งสุดท้ายมาคุยกัน มองหน้ากัน เราเป็นเพื่อนกันไหม ก็คุยกันเอง เขาบอกก็ดีนะ เพราะว่าบางทีการใช้ชีวิตคู่มันใกล้กันมาก มันหายใจหายคอลำบาก แล้ววิธีคิดก็ไม่เหมือนกัน ความคิดหรือทัศนะไม่ตรงกัน มันเหมือนกับเฟืองที่มันขัดกันแล้วพอเราฝืนเครื่องยนต์มันก็จะพัง เราต้องไวที่จะดูว่าวงโคจรของเรามันผิดเพี้ยนอยู่นะ เราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรงนะแค่อึดอัดกันเฉยๆ
พอเลิกกันแล้วกลายมาเป็นญาติได้ยังไง?
ผัดไท : กลายเป็นญาติค่ะ คือมันเหมือนยากจริงๆอ่ะค่ะ เพื่อนก็จะอีกระดับนึงนะ เวลามีอะไรเขาก็จะบอกพี่คนแรก ถามพี่หรือคุยคนแรกเสมอ แล้วก็ห่วงเหมือนห่วงลูกหลาน หรือพี่แก่ก็ไม่รู้นะ ถึงชีวิตคู่จะอยู่กันไม่ได้แต่ก็ยังเหลือความห่วงใยที่สมบูรณ์ มันไม่ได้สมบูรณ์แบบคนรักเก่านะ เขาก็บอกพี่แบบนี้เหมือนกันมองเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่
ตอนที่หย่ากันลูกเป็นยังไงบ้าง?
ผัดไท : ตอนที่หย่ากันก็คุยกับลูกนะ ลูกอยู่ในเหตุการณ์หมดอยู่แล้ว ลูกเข้าใจ ลูกเป็นคนบอกเองว่า แม่กับปะป๊าเหมือนปลาคนละน้ำ คือเหมือนเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันก็คือปลา แต่คนนึงปลาน้ำจืดอีกคนนึงจะเป็นปลาน้ำเค็ม สามารถที่จะมาจอยกันได้ในน้ำกร่อย แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปแบบที่ตัวเองเป็น มันไม่ใช่จะเหมือนกันซะทีเดียว ตอนนั้นลูกสาวก็ 15 ปีแล้ว ก็เข้าใจ คือเราเลี้ยงลูกแบบไม่ได้มองเขาเป็นเด็กนะคะ จะเอาเรื่องจริงมาคุยกันตลอด
by TVPOOL ONLINE