หลังจากหายหน้าไปจากจอช่อง 7 พักใหญ่ ล่าสุด บอส โตนนท์ วงศ์บุญ โผล่มาร่วมบวงสรวงละครของช่อง วัน ที่ แอ็กซ์ สตูดิโอ ปทุมธานี หลังจากพิธีนักแสดงหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์ถึงการมาร่วมงานกับช่องวัน และเรื่องสัญญากับช่อง 7 ทั้งยังเผยอีกก่อนหน้านี้ดวงตกถึงขั้นต้องไปรดน้ำมนต์

มาร่วมงานกับช่องวัน? “ก็พลิกคาแร็กเตอร์ พลิกบทบาทมาลองอะไรใหม่ๆ มันก็ยากและท้าทาย เหมือนเราได้เติมไฟกับงานการแสดงก็สนุกดี ตอนนี้ก็หมดสัญญากับทางช่อง7 มาเป็นศิลปินอิสระ ได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่เขาก็เปิดโอกาสให้เราออกมาหาประสบการณ์ ถ้ามีโอกาสก็คงจะเรียกกลับไป ตอนนี้ขอร่อนเร่พเนจรก่อน ขอฝึกฝนวิชาก่อน”

มีงานเข้ามาเยอะไหม? “มีติดต่อเข้ามาหลายช่อง เราก็เลือกงานที่เราทำ อยากจะลองเลือกบทที่เราอยากจะเล่นดู ก็มาขอเขาว่าพี่ผมอยากลองเล่นร้ายดู เขาก็ให้เราเล่นเลย ทำให้รู้ว่าตัวร้ายเล่นยากจริงๆ มันต้องใช้พลังเยอะกว่า ต้องมีอินเนอร์ตลอดเวลา”

มาร่วมงานนอกค่ายแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “แรกๆเราก็เกร็ง เหมือนเป็นน้องใหม่ เราก็คิดไปต่างๆว่าเราจะเข้ากับเขาได้ไหม ต้องบอกว่า เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) มะปราง (อลิสา ขุนแขวง)หลายๆคนนิสัยดีมาก เราเข้าไปเขาก็ชวนคุยจนเรารู้สึกผ่อนคลาย เป็นเหมือนครอบครัวใหม่ ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะวางตัวยังไง เหมือนเราย้ายบ้านแหละ มาเจอเพื่อนบ้านใหม่ อยู่แล้วเจอเพื่อนบ้านที่ดี เราก็รู้สึกอบอุ่น มีกำลังใจที่จะทำงานเต็มที่ ตอนนี้ที่ถ่ายอยู่มี2 เรื่อง แล้วก็มีติดต่อเข้ามาอีก2เรื่อง รอเปิดกล้อง”

พอได้มาทำงานที่ใหม่ๆ เหมือนได้เปิดโลกเลยไหม? “มันเหมือนเราขับรถ แต่ก่อนเราขับรถคันเล็กๆ พอเราไปขับรถคันใหญ่มันจะรู้สึกแปลกๆ มันมีอะไรจริงๆที่นักแสดงต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย เราได้ไปลองอะไรใหม่ๆก็รู้สึกดี เหมือนเราได้กลับไปเป็นนักแสดงสมัยตอนทำงานครั้งแรกอีกครั้ง เวลาเริ่มเล่นละครเรื่องใหม่มันก็เหมือนเริ่มใหม่ทุกครั้งอยู่แล้วแหละ แต่พอเราได้ลองเล่นอะไรใหม่ๆมันเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับตัวเอง มีกำลังใจในการทำงาน มีความขวนขวายที่อยากจะทำ”

เหมือนที่ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองดวงตก? “ช่วงก่อนเหมือนเราโทรมๆ ผู้จัดการเลยพาไปอาบน้ำมนต์ แม่ก็ทักว่าผมอาบมาแล้วดูสว่างขึ้น ดูเปร่งปรั่งขึ้น ล่าสุดพี่มดดำชวนไปเขานาคาได้ไปไหว้พญานาคมา หลังจากนั้นก็มีงานติดต่อเข้ามา ผู้จัดการก็บอกว่ามันแปลกมากเลยนะ เราติดต่อขายงาน เขาก็เอาเลย ชี้เลยว่าเอาโตนนท์ ก็แปลก ส่วนตัวเราชอบเดินป่า เดินเขา สำรวจธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปไหว้พระด้วย พี่มดดำแกก็ใจดีชวนไปเลยมีโอกาสได้ไป”

“ผมก็มองว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่า ถามว่าเชื่อไหมก็เชื่อ ตัวผมเกิดปีงู แต่ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพญานาคเลย เหมือนขัดมาตลอด แต่พอเราเริ่มเปิดใจ เริ่มรับ มันก็แปลกนะ เราไม่เชื่อมันก็เหมือนดวงตกๆ พอเรายอมเชื่อทุกอย่างมันก็ดีขึ้น”

ดวงตกนี่มันหนักขนาดไหน? “มันเงียบๆไป ชีวิตเหมือนมันติดขัด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ไม่ได้ดั่งใจแต่พอมันหลุดแล้วมันก็เหมือนโล่งเลย ก็มีไปอาบน้ำมนต์ แล้วก็มาเชื่อเรื่องพญานาค อย่าบูลลี่ผมนะ มันแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน”

คือก่อนหน้านี้เราไม่เคยเชื่อเลย? “ผมเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ อย่างภูเขาที่ไปเขาก็จะมีคำอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ ว่ามันเกิดจากแผ่นดินโลกตกสะเก็ด แต่บางเรื่องที่เราอธิบายไม่ได้ บางเรื่องที่มันแปลกๆ ถามคำตอบจากใครก็ไม่มีคำตอบให้เราก็ต้องเชื่อ ผมเองอยู่ในวงการบันเทิงก็มีพกพ่อแก่ พระพิฆเนศ เรานับถืออยู่แล้ว”

เป็นสายมูเต็มตัว? “เรียกว่าเป็นน้องใหม่ดีกว่าครับ ตอนนี้ก็เชื่อ และศรัทธาครับ เหมือนเราทำได้อยู่แล้ว แต่มันจะดีกว่าถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ ตรงที่เราคิดว่าเราทำได้ มันก็จะทำให้เราทำดีได้กว่าเดิมจากที่เราทำดีแล้ว อย่างวันนี้มาบวงสรวงก็พกพ่อแก่ กับพระพิฆเนศ ปกติพิธีบวงสรวงผมก็จะพกติดตัวมาด้วย สององค์นี้เราไม่ได้ขอ อยู่ดีๆก็มา ผมมองว่าเป็นเหมือนเสื้อผ้า จะใส่ตามงาน ใส่ตามสถานการณ์ อย่างเวลาไปเดินป่าผมก็จะพกท้าวเวสสุวรรณ ตอนนี้ที่บ้านเพียบครับ ส่วนใหญ่จะมีคนให้มา ผมเชื่อว่าเขามาเอง ผมไม่ได้ขอ ไม่ได้บูชาแต่ท่านเลือกจะมา”

“หลักๆตอนนี้จะนึกถึงพญานาค พอเราเริ่มเชื่อก็แปลกมาก ที่เราเริ่มเห็นงูบ่อยขึ้น เห็นกบบ้าง อย่างเมื่อเช้าขับรถมาผ่านศาล เราผ่านทุกวัน ปกติเราก็จะยกมือไหว้ท้าวเวสสุวรรณขอเรื่องการเดินทาง แต่วันนี้เอ๊ะ เราเห็นในศาลมีงูอยู่ด้วย ทำไมเราเพิ่งเห็นทั้งๆที่เราผ่านทุกวันจนเป็นปกติ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเลย อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าเอ๊ะ นั่นงูหนิ”

“บอส โตนนท์” เผยดวงตกสุดๆ ถึงขั้นต้องไปรดน้ำมนต์