คงไม่มีใครรู้หรอกว่า…โรคภัยไข้เจ็บจะมาเยือนประตูบ้านวันไหน? ในวันที่ร่างกายพอมีเรี่ยวแรง เป็นมนุษย์ก็ต้องทำมาหากินกันทั้งนั้น เพราะมีเหตุผลมากมายที่ต้องขวนขวาย เงินทองที่จะต้องหามาด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย เพื่อให้ได้มาจุลเจือเลี้ยงดูครอบครัวและลูกน้อย

“แฟนบุ๋มป่วยเป็นมะเร็งกระดูก ด้านหลังตรงช่วงสะโพก เนื่องจากการรักษาเบื้องต้นไม่ตอบสนอง อาการแย่ลงทุกวัน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องหาเงินเลี้ยงลูก 2 คน ตั้งแต่แฟนป่วยรายได้ก็ไม่มี”

นี่คือคำพูดจากปากภรรยา เผยเรื่องราวชะตาชีวิตของแฟนหนุ่มวัย 29 ปี “พีช-อิสยาส์ หงส์ขจรนันท์” คุณพ่อลูก 2 ที่มะเร็งร้ายได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่…

ผ่านมาเป็นเวลา 11 เดือนแล้ว เขาต้องไปหาหมอเกือบทุกวัน จ่ายค่าเดินทาง ค่ายา ค่ารักษา เงินเก็บหมดแล้วไม่มีเหลือแม้แต่บาทเดียว ภรรยาต้องจำใจนำของมีค่าที่หามาได้ก่อนหน้าไปขายหาเงินค่ารักษา

ทั้งคู่ประกอบอาชีพค้าขาย ย่านภาษีเจริญ ถนนกัลปพฤกษ์ ตั้งใจสร้างครอบครัวด้วยกัน แม้จะไม่ได้จัดพิธีแต่งงานเหมือนใครๆ แต่เลือกทำมาหากินสุจริต ซึ่งพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างรับทราบ จนกระทั่งในวันที่ทั้งคู่ มีเจ้าตัวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 4 คน พ่อแม่ลูก ซึ่งขณะนี้ลูกสาวคนโตอายุ 7 ขวบ และลูกชายอายุ 1 ขวบ 8 เดือน

11 เดือนก่อนหน้า ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ปี 58 ฝ่ายชายเริ่มมีอาการปวดสะโพก เพราะต้องยกของแบกของทุกๆ วัน จึงซื้อยามากิน แต่กลับไม่บรรเทาอาการปวดใดๆ จนต้องไปเอ็กซเรย์พบก้อนเนื้อ 10 ซม. ตัดสินใจจะผ่าออก แต่ด้วยต้องทำงานอย่างหนัก เพราะเป็นเสาหลักครอบครัว ผลัดการผ่าตัดเรื่อยมา กระทั่งก้อนเนื้ออักเสบ จนเดินไม่ได้

“ได้ยินคำพูดที่หมอบอกว่า มีเป็นล้านก็ไม่พอ มันยิ่งทำให้เราหมดหวัง ลูกทั้ง 2 จะอยู่อย่างไร ก็เลยไปหาโรงพยาบาลของรัฐ เพราะค่าใช้จ่ายเราก็ยังพอสู้ไหว เงินเก็บน่าจะพอ รู้ว่าต้องใช้เงินเป็นแสนๆ แต่ก็ต้องรักษาเขาให้หาย ทำคีโม 5 ครั้ง ยาเม็ดละ 2 พัน แต่กลับไม่ได้ผล หมอเปลี่ยนเป็นฉายแสง 30 ครั้ง จนครั้งที่ 19 หมอให้หยุด”

แม้จะได้รับการฉายแสงไปจนถึงครั้งที่ 30 แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะ “มะเร็ง” กัดกินเนื้อเป็นแผลเหวอะ จนเนื้อเน่าได้ตายลงทุกๆวัน และลุกลามอย่างหนักกินเข้าไปถึงกระดูก ผลกระทบลูกอัณฑะบวมเปล่ง น้ำหนักลด เดินไม่ได้ เงินที่เก็บเอาไว้ก็หมด สิ่งของทุกอย่างที่มีก็ขายเอาเงินมารักษาตัว

คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เห็นสิ่งน่ารังเกียจ และจะต้องปฏิเสธ เพราะจะเรียกแท็กซี่แต่ละคันก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน “ถูกเมิน” เพราะแผลที่เน่า ใครเขาอยากให้ไปเปรอะเปื้อนเบาะนั่ง

รถ 2 คัน ต้องปล่อยให้ถูกยึด ห้องเช่าที่ซื้อไว้ ค้างจ่ายหลายเดือน จนธนาคารทวงหนี้เกือบ 4 แสน ชะตาชีวิตลิขิตมาแล้วใช่หรือไม่? “มะเร็งกระดูก” พิษมันร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ!! อีก 3 ชีวิตตต้องดิ้นรนแทบทุกทางเพื่อให้ 1 ชีวิตอยู่กับเขาไปนานแสนนาน

เหมือนเป็น “ความโชคร้าย” ที่ครอบครัวไหนๆ ก็ตาม “ไม่ต้องการ” กันทั้งนั้นแหละ…สามีของเธอ เต็มใจผ่าตัดสะโพกกับขาทิ้ง เพื่อให้มีชีวิตอยู่กับลูกกทั้ง 2 และภรรยาสุดที่รัก

บางอย่างช่วยแม่ได้ “ลูกสาวคนโต” วัย 7 ขวบ ที่พอจะรู้ว่าสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับพ่อของเขา หากช่วยแม่ได้ก็จะทำ “ป้อนข้าว ป้อนผลไม้” ให้พ่อกิน ภาพที่เห็นแม้จะมีรอยยิ้มก็ตามเถอะ เหตุใดเล่าน้ำตาต้องไหลอาบแก้ม 2 ข้าง มีใครรู้บ้างหนอ? น้ำตาคนเป็นแม่และเป็นภรรยา อดกลั้นไว้ไม่ได้จริงๆ น้ำใสเม็ดโตที่ไหลออกมา ภาวนาขอให้ลูกเข้าใจว่า คือ “น้ำตาแห่งความสุข ที่ 4 คนเรายังอยู่ด้วยกัน”

“บุ๋ม” เธอเลือกขายเสื้อผ้าเด็กออนไลน์ ก็ได้แค่ค่านมลูก ค่าข้าวรายวันเท่านั้น “ลูกก็ต้องเรียนหนังสือ อีกคนก็ยังเล็ก ตอนนี้ครอบครัวก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ถือว่าช่วยเด็กน้อย2คนพี่น้อง เพื่อในคุณพ่อได้มีชีวิตอยู่กับลูกทั้ง2ต่อไปอีกนะค่ะ‬ ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยอ่าน และช่วยแชร์”

“15 ปีที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันมีค่าและมีความหมายมาก ถึงแม้จะมีกระทบกันบ้าง นอกลู่นอกทางบ้าง แต่เราก็เชื่อมั่นในกันและกัน ไม่รู้อธิบายยังไง ความในใจมันมีมากมายเกินบรรยาย ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บุ๋มกับลูกจะอยู่ข้างๆ พีชเสมอ รักเสมอ”

ที่มา – เดลินิวส์

ภาพจาก – Trichuda Thongsuk , Grace Phetnamnueng