วันที่ 27 มิ.ย. 63 เวลา 15.00 น. ที่ ศาลา 2 วัดอุทัยธาราม (วัดบางกะปิ) เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ มีพิธีฌาปนกิจ “เติมชนินทร ประเสริฐประศาสน์” ผู้กำกับละครชื่อดัง อายุ 59 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการยิงตัวเอง ภายในห้องพักคอนโดมิเนียม ย่านมักกะสัน เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. มีพิธีทำบุญเลี้ยงพระ ถวายภัตตาหารเพล 10 รูป พระสงฆ์สวดมาติกา–บังสุกุล อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ

ต่อมาเวลา 13.00 น. ญาติได้เคลื่อนศพของ ผู้กำกับฯ “เติม ชนินทร” เพื่อเตรียมทำพิธีฌาปนกิจ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า จากนั้นได้เริ่มเคลื่อนศพรอบเมรุจำนวน 3 รอบ

โดยมีคนบันเทิงเดินทางมาร่วมส่งผู้กำกับชื่อดังเป็นครั้งสุดท้าย อาทิ ประวิทย์ มาลีนนท์, สมรักษ์ ณรงค์วิชัย, หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์, ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธ์ุไพบูลย์, ต้อ มารุต สาโรวาท, จ๋า ยศสินี ณ นคร, จิ๋ม มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, ตู่ นพพล โกมารชุน, แดง ศัลยา สุขะนิวัตติ์, หนู สรวงสุดา ชลลัมพี, ใหม่ นัฏฐา ลอยด์, แจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล, น้ำฝน สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ, แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์, โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, อ้น–สราวุฒิ มาตรทอง เป็นต้น

ต่อมาเวลา 15.00 น. ตัวแทนเพื่อนจุฬาฯ รุ่น 16 กล่าวคำไว้อาลัย ถึงเพื่อนรัก เติม ชนินทร เป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนที่มาร่วมงาน

“ในช่วงเดือน ก.พ. 61 เติมได้ล้มป่วยลงด้วยอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้น้ำท่วมปอด หอบหายใจเหนื่อยลำบากจนแทบนอนไม่ได้ และมีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน เติมได้แอดมิตเข้ารักษาตัวด้วยการสวนหัวใจ ทำบอลลูนและมีโรคแทรกซ้อน เช่น กรดไหลย้อน เครียด นอนไม่หลับ แผลกดทับรวมไปถึงโรคเดิมคือโรคเบาหวาน เติมรักษาตัวเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง จนอาการดีขึ้น จนเริ่มทำงานถ่ายทำแรงเงา 2 แต่อาการเจ็บป่วยต้องเกิดขึ้นอีกครั้งจนต้องหยุดถ่ายทำเพื่อรักษาตัวนาน 5 เดือน จึงกลับมาทำต่อจนเสร็จ นับว่าตลอดการถ่ายทำแรงเงา 2 เติมต้องสู้กับอาการเจ็บป่วยไปพร้อมๆ กับการทำงาน จนบางครั้งก็มีอาการฉุนเฉียวใส่ทีมงานบ้าง”

“จากนั้นอาการป่วยยังทรุดๆ ทรงๆ จนทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ นอนได้น้อย จึงได้เดินทางไปพบกับจิตแพทย์ ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเติมมีอาการซึมเศร้า และแพทย์ก็ได้สั่งยามาให้ทาน คู่กับยารักษาหัวใจ และได้เริ่มฝึกอานาปาณสติควบคู่ไปด้วย”

“ต้นปี 2563 เติมได้เข้าแอดมิตอีกครั้งด้วยอาการลิ้นหัวใจรั่ว ที่สืบเนื่องจากปัญหาเดิมของปอดและหัวใจ เกิดน้ำคั่งในร่างการมากขึ้น จนต้องมีการเจาะน้ำออก แต่ไม่กี่วันก็กลับมาอีก อาการป่วยเริ่มหนักขึ้น จึงแอดมิตอีกครั้ง และการแอดมิตครั้งนี้ทำให้เติมมีกำลังใจมากขึ้น เพราะแพทย์ได้วินิจฉัยแล้วว่าจะสามารถผ่าตัดหรือรักษาอย่างไรต่อไป แม้อาการของโรคหัวใจจะดีขึ้น แต่ก็มีส่งผลให้ค่าตับกับค่าไตแย่ลง จนต้องควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด กินได้แต่รสจืดห้ามกินเค็มหรือหวานเลย ซึ่งเติมได้หงุดหงิด เพราะปกติเป็นคนมีความสุขกับการกินมาก เติมยังเคยพูดกับน้องๆ ว่ากินอาหารแค่วันละ 24 มื้อเอง เติมต้องทนกับการควบคุมอาหาร และทนอีกหลายอย่างจนเกิดเป็นแผลกดทับอ่อนเพลีย เหนื่อย เดินไม่ไหว นอนได้น้อย จนต้องใช้วีลแชร์ ท้องอืด น้ำหนักลดลงจนเหลือ 74 ก.ก.”

“จากนั้นหลังแพทย์แจ้งอาการต่ออีกว่าอาการลิ้นหัวใจรั่ว ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะเสี่ยงเกินไปมาก ความหวังในการรักษาหาย เหมือนดับวูบลงไปในทันที และการป่วยเรื้อรังทำให้เติมบ่นเบื่อหน่ายบอกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ผมขอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอาวุธปืนมันสามารถหาซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ตได้ไม่ยาก เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา เติมโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะไปนั่งรถเล่นกับแท็กซี่ขาประจำ ผมเลยอาสาว่าอยากไปไหน เดี๋ยวพาไปเองเติมบอกว่าไม่ต้อง ไม่ยอมให้ผมไปเป็นเพื่อน ผมสัมผัสได้ถึงคำพูดบางอย่าง ทำให้ผมพูดกับเติมไปว่าอย่าคิดทำอะไรไม่ดีนะ เติมตอบกลับมาว่ากูไม่ทำหรอก กูก็กลัวตายนะ และยังมีภาระอีกหลายอย่าง ถัดมาอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย. เวลา10.10 น. แท็กซี่ขาประจำมารับเติมที่คอนโด และไปส่งที่ปั๊ม ปตท. เลียบทางด่วน และบอกแท็กซี่ว่าไม่ต้องรอ เดี๋ยวกลับเอง ซึ่งแท็กซี่บอกว่าเติมได้ขึ้นรถไปพร้อมกับชาย 2 คน ที่สวมแมสและหมวกสีดำ ขับรถวีโก้มารับ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนที่เติมติดต่อซื้อปืนทางอินเตอร์เน็ต”

“เวลา 15.04 น. ผมไลน์ถามว่าอยู่ไหน เติมบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน เวลา 17.04 น. เติมไลน์มา

บอกว่าถึงบ้านแล้ว อยู่ตึกเล็ก ผมถามว่าจะกลับตึกใหญ่ตอนไหน กลับยังไง กลับไหวไหม เติมตอบว่ากลับค่ำๆ ไม่ต้องห่วง รปภ.ยุทธ์พากลับ เวลา 18.40 น. ผมโทรเข้าไปหาเติม แต่เติมไม่รับสาย เวลา 19.51 น. พี่แต้วโทรมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่าแม่บ้านวิ่งมาบอกว่าเติมยิงตัวเอง ผมจึงรีบขับรถมา แต่เติมก็ได้จากไปแล้ว”

“คนเราจะต้องกล้าหาญเพียงไหนถึงจะทำอย่างนี้ได้ ทั้งที่ตลอดมาเติมจะเกลียดและกลัวอาวุธปืนเป็นที่สุด เติมตัดสินใจด้วยสติ ด้วยความแน่วแน่ ด้วยความตั้งใจ เพื่อหนีจากโรคร้ายที่รุมเร้า เพื่อไม่ต้องการเป็นภาระใดๆ”

คำพูดประโยคสุดท้ายที่เติมส่งมา ซึ่งไม่ปรากฎข้อความตามแชทปกติ กลับขึ้นเป็นข้อความ Annoucer (แจ้งประกาศ) อยู่ด้านบนไลน์ (ซึ่งมารู้ที่หลัง) ว่า “การตัดสินใจเมื่อวันเสาร์ กูปลดล็อคโล่งสบายแล้ว”

ในการเป็นนักเขียน เติมเขียนด้วยความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม ทำการบ้านอย่างละเอียด ทุกบทละคร ทุกตัวละครมีมิติ มีแก่นเรื่องสีสัน

ในฐานะผู้กำกับ เติมเป็นผู้กำกับหาตัวจับยาก ในตอนทำงานออกกองถ่าย สร้างสรรค์บรรยากาศผ่อนคลายสนุกสนาน ทำให้ทุกคนมีควาทสุขและทำให้ได้งานที่ดี เติมเป็นที่รักของเพื่อนและคนในวงการ มีน้ำใจให้กับทุกคนแม้กระทั่งช่างไฟ ช่างกล้อง รปภ.

วันนี้เติมได้จากพวกเราไปโดยไม่ได้ร่ำลา เติมเขียนบทละครฉากสุดท้ายให้กับตัวเอง กำกับและแสดงเอง เป็นละครชีวิตจริงที่ผมขอให้ทุกท่านเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเพื่อนคนนี้

ผมเชื่อว่าเติมรับรู้ได้ถึงน้ำใจและความรักที่ทุกคนมีให้ เติมจะต้องยิ้มดีใจ ภูมิใจ และเป็นสุขอยู่บนดินแดนสัมปรายภพ ไม่ต้องทนกับอาการเจ็บป่วยและความทุกข์ ขอให้เติมหลับให้สบาย พวกเราจะจดจำเติมไว้ในความทรงจำ”

ต่อมาเวลา 15.30 น. พิธีกำหนดฌาปนกิจเริ่มขึ้น ประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล ต่อด้วยแขกผู้มีเกียรติทุกท่านขึ้นวางดอกไม้จันทน์

สำหรับของชำร่วยภายในงานคือ นวนิยายเรื่อง “เล่ห์ลับสลับร่าง” เนื่องจากผู้วายชนม์เป็นเจ้าของบทละคร และเป็นผู้กำกับการแสดงเอง รวมไปถึงภาพวาดของ “เติม ชนินทร” และหนังสือธรรมะที่แพ็ครวมกับเจลแอลกอฮอล์ด้วย

สำหรับกำหนดการวันพรุ่งนี้ ญาติจะมาทำพิธีเก็บอัฐิ และจะเดินทางไปลอยอังคารเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อไป