เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ต่อมากลายเป็นที่จับตามองอย่างมากเมื่อนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดใจยอมรับว่าสงสัยลุงพลนั้นเป็นผู้ก่อเหตุกับน้องชมพู่ ซึ่งทางด้าน ลุงพล ทนไม่ไหว ประกาศตัดญาติทันที พร้อมแฉความลับของแม่น้องชมพู่ ว่าไม่เคยขึ้นไปภูเหล็กไฟเลย ไม่ยอมไปดูสถานที่เกิดเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนชาวบ้านต่างสงสัยและพูดกันต่างๆนาๆ หรือกำลังกลัวอะไรบางอย่าง

ล่าสุด ทุบโต๊ะข่าวรายงานว่า นายผ่อง วิภา อายุ 68 ปี พ่อของลุงพล กล่าวถึงกรณีที่ลุงพลได้ให้สัมภาษณ์ว่า หากคดีน้องชมพู่จบ จะย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะรู้สึกอึดอัดใจนั้น นายผ่อง กล่าวว่า ในเรื่องการย้ายที่อยู่ก็เเล้วเเต่ใจลูก หากไม่มีที่ไปก็ให้มาอยู่กับพ่อที่บ้าน เพราะใจพ่ออยากให้ลูกมาอยู่ด้วยที่บ้าน

ขณะนี้ตนก็ยังรู้สึกกังวล เพราะลูกชายถูกปรักปรำ ที่ผ่านมาลูกชายคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด สุดท้ายต้องมากลายเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเอง “ทำไมต้องสงสัยลูกชายพ่อ พ่อมองว่าคนที่ปรักปรำคนอื่น น่าสงสัยกว่า”
ทุกคนมีสิทธิ์สงสัยใครก็ได้ เเต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตำรวจว่าจะออกหมายจับใคร ก็กังวลว่าหมายจับจะออกที่ลูกชาย ซึ่งถ้าหากลูกโดนหมายจับ จะไปประกันตัวลูก เพราะเชื่อว่าบริสุทธิ์ เเละจากการพูดคุยกับลูก ก็ยืนยันกับตนว่าไม่ได้ทำ ดังนั้นเชื่อว่าตำรวจไทยเก่ง คงจับผู้ร้ายตัวจริงได้ ส่วนกรณีลูกชายบอกว่าอยากบวช ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าอนุญาตให้บวชได้ เเต่ไม่ให้บวชตลอดชีวิต เพราะลูกชายยังมีลูกเมียที่จะต้องดูเเล จะละทิ้งไม่ได้

ด้าน นางพา วิภา อายุ 67 ปี เเม่ของลุงพล เปิดเผยว่า ตนติดตามข่าวน้องชมพู่มาโดยตลอด ตอนที่ทราบว่าลูกชายถูกสงสัย เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสงสัยลูกชาย ซึ่งตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นคนก่อเหตุ ส่วนกรณีที่ลูกชายบอกว่าหากจบคดี จะย้ายไปอยู่ที่อื่น อยากให้ลูกมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ตนพร้อมให้ลูกมาอยู่ด้วย

สิ่งที่ยังกังวลคือเรื่องคดี กลัวว่าหมายจับจะออกที่ลูกชาย เพราะที่ผ่านมาลูกชายทำดีมาโดยตลอด หากถูกจับคงเสียใจมาก “ถ้าทำดีเเล้วไม่ได้ดี ก็เเล้วเเต่เวรเเต่กรรม” ห่วงลูกชาย กลัวลูกจะเครียด ซึ่งถ้าลูกโดนจับ จะไปประกันตัวลูก ส่วนเรื่องบวชเห็นด้วยกับพ่อ คืออนุญาตให้บวช เเต่ไม่ให้บวชตลอดชีวิต ส่วนภูเหล็กไฟ ตนก็ไม่เชื่อว่าน้องชมพู่จะเดินขึ้นไปเองได้ เชื่อว่าต้องมีคนพาขึ้นไป

ขณะที่ นางบังอร นามเสา พี่สาวของลุงพล กล่าวถึงกรณีที่น้องชายถูกสงสัย ว่าช่วงเเรก ๆ ตนตกใจ เเละเครียดจนกินข้าวไม่ได้ น้อยใจมาก เพราะที่ผ่านมาลุงพลทำเพื่อน้องชมพู่มาโดยตลอด เเละลุงพลก็รักหลานจากใจจริง ไม่มีทางทำร้ายหลานเด็ดขาด ทำไมต้องมาสงสัยกันเอง ซึ่งถ้าหากหมายจับออกที่ลุงพล ตนยืนยันว่าน้องชายไม่ได้ทำ ก็จะประกันตัว เเละต่อสู้ให้ถึงที่สุด

นางบังอรยังฝากถึงคนร้ายตัวจริงว่า “คนไหนเป็นผู้กระทำต่อน้องชมพู่ ถ้าคุณดูข่าวอยู่ คุณก็คงจะสะใจ ก็อยากขอร้องให้มอบตัวกับตำรวจเสียที”

นางบังอร ยังกล่าวถึงน้องชายด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าว่า “พี่ให้กำลังใจน้องชายเสมอ ยังไงพี่ก็ยืนยันว่าน้องพี่ไม่ได้ทำ ตอนนี้เป็นห่วงน้อง สงสารน้องที่ถูกสงสัย ส่วนคนที่คิดว่าน้องชายเป็นคนทำ ก็อยากให้เขาเปลี่ยน

ขณะที่นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ กล่าวว่า สุดท้ายแล้วตนก็ไม่เคยคิดจะหนีจากหมู่บ้าน เพราะอยากให้ทุกอย่างจบก่อน เนื่องจาก “ไม่อยากเป็นจำเลยของสังคม ทุกคนกล้าทำ ต้องกล้ารับ”

ขณะที่ พระอาจารย์เพิ่มพูล ยะติโก เจ้าอาวาสวัดมงคลเทพนิมิตร บ้านธาตุ ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ช่วงเช้าวันนี้พระอาจารย์เพิ่มพูล ก็ได้เดินทางด้วยรถเก๋ง มาจาก จ.นครพนม มาที่บ้านน้องชมพู่ และมาบริเวณถนนหน้าภูเหล็กไฟ แต่ไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด

 

 

โดยพระอาจารย์เพิ่มพูล เล่าว่า ที่เดินทางมาที่บ้านกกกอกวันนี้ ไม่ได้นิมิตเห็นน้องชมพู่แต่อย่างใด แค่ต้องการจะมาดูให้เห็นกับตา อาตมานิมิตเห็นคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนใกล้ตัวน้องชมพู่ และเขาอาจไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ แต่สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นอุบัติเหตุ เพราะพลั้งมือทำร้ายน้องชมพู่ และจึงเอาศพน้องชมพู่ขึ้นไปอำพรางบนภูเหล็กไฟ

ที่อาตมานิมิตเห็นก่อนหน้านี้ คนร้ายก็อยู่ในอาการกระวนกระวาย ร้อนรน พูดจาเพ้อเจ้อ กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ จะเป็นประสาท จนแทบจะผูกคอตาย ซึ่งอีกไม่นานถึง 1 เดือน คนร้ายจะยอมรับสารภาพออกมาว่าเขาเป็นคนก่อเหตุ เพราะกรรมกำลังจะตามทันเขาแล้ว คาดว่าวันที่คนร้ายเผยตัว จะเป็นวันพระในเร็ว ๆ นี้

 

by TVPOOL ONLINE