เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ด่วน!!จับได้แล้ว “เขยโหด” ฆ่ายกครัว 5 ศพ

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบว่า คดีนี้

พล.ต.ท.สุธีร์ เณรกัณฐี ผบช.ภ.6 และพล.ต.ต.พยูห์ ธนศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ ลงไปกำกับดูแล

การสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง สำหรับคนร้าย ทราบชื่อต่อมา คือ นายธีรพล ปิ้นอมร ตรวจสอบพบมี

ประวัติต้องคดีลักทรัพย์ ฉ้อโกง และเมาแล้วขับ สอบสวนบุคคลที่รอดชีวิตและเพื่อนบ้านข้างเคียง ระบุ

ตรงกันว่า นายธีระพล มีพฤติกรรมชอบทำร้ายทุบตีภรรยา และคนอื่นๆ อยู่เป็นประจำ ส่วนความคืบหน้า

การติดตามตัวตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนี มีการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีในการติด

ตามหลายอย่าง คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลการหลบหนีไปต่างประเทศ

ตรวจสอบกับ ผบก.ถ.จว.อุตรดิตถ์ ระบุว่าล่าสุดยังอยู่ในวิสัยที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้อยู่

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับมูลเหตุจูงใจเบื้องต้นวางหลักในเรื่องความหึงหวงเป็นตัวตั้งก่อน และด้วย

นิสัยของผู้ก่อเหตุที่มักชอบใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัวอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นกรณีที่ภรรยามีชายอื่น

มาติดพันหรือไม่นั้น ตรงนี้คิดว่าเป็นความเข้าใจของเขาเองมากกว่าที่จะขอคืนดีกับภรรยา แต่ภรรยาไม่

ยินยอม เพราะพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุไม่เหมาะที่จะร่วมชีวิตด้วย จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

ต่อมานั้น ได้ไปหาเบาะแสการสังหารโหดที่เกิดขึ้น โดยได้ไปสัมภาษณ์ เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์

กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเห็นนายธีรพล หรือ ปุ๊ ขับรถมายังบ้านของแม่ยายในช่วงเช้า 09.00 น. ขับรถ

ยนต์มาพร้อมนางสาวกัญญารัตน์ หรือ อ้อม แฟนสาว โดยตอนนั้นก็ยังเห็นนายธีรพล หรือ ปุ๊ นอนเล่นอยู่

บนเปล จากนั้นก็ได้กลับออกไปกับแฟนสาว กระทั่ง 17.00 น. ตนเองนอนอยู่ในบ้านพัก ได้ยินเสียงดังปัง ๆ

หลายครั้งติดต่อกัน ตอนนั้นคิดว่ามีคนเคาะสังกะสีข้างบ้าน จึงเปิดประตูออกมาดู พบว่านายธีรพลกำลังถอย

รถยนต์ของตัวเองออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นนางกนกวรรณ นายธีรพลก็เอาปืนยิงนางกนกวรรณทันที อีกจำนวน

3 นัด ขณะนั้นตนเห็นอาวุธปืนสีดำอยู่ในมือของนายธีรพล คาดว่าใช้มือซ้ายในการยิงนางกนกวรรณ เพราะมือ

ขวาเขายังจับพวงมาลัยอยู่
ทั้งนี้ เมื่อเขาขับรถหลบหนีไป ตนจึงรีบวิ่งไปดูนางกนกวรรณ โดยสภาพศพของนางกนกวรรณ มือยังยกขึ้นมา

อยู่ แต่ยกไม่สุด ขาดใจเสียชีวิตก่อน นอกจากนี้ ภายในบ้านพบว่า นางน้ำผึ้งและนางน้ำผาได้ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่ง

ตนเองไม่คาดคิดว่านายธีรพลจะมาก่อเหตุอุกอาจเช่นนี้ ตอนแรกยังคิดว่าเขายิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคย

ได้ยินว่านายธีรพลมักพูดจาข่มขู่และทะเลาะกับนางสาวกัญญารัตน์บ่อย ๆ แต่ไม่เคยถึงขั้นขู่พ่อตาแม่ยายของ

ตัวเอง ซึ่งปมที่เขามีปากเสียงกันคาดว่าเกิดจากเรื่องหึงหวง
นอกจากนี้ นายธีรพลเคยทะเลาะอย่างรุนแรงกับนางสาวกัญญารัตน์ และนำรถพ่วงมาลากรถยนต์จำนวน 8 คัน

กลับไปยังบ้านพักตัวเองที่ จ.พิษณุโลก โดยรถยนต์เหล่านั้น ตนทราบมาว่าถูกโอนให้เป็นชื่อของพ่อตาเป็นเจ้า

ของ เนื่องจากนายธีรพลอ้างว่าตัวเองเคยเป็นคนล้มละลายมาก่อน จึงโอนมาให้เป็นชื่อของพ่อตาในตอนหลัง

ซึ่งตนทราบอีกว่านายธีรพลหมดเงินไปกับนางสาวอ้อม และครอบครัวร่วม 20 ล้านบาท

ด้าน สารวัตรกำนัน หมู่ 1 เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายปุ๊มักพกพาอาวุธปืนเป็นประจำ ทั้งยังเคยยิงปืนขึ้นฟ้า

อยู่บ่อย ๆ โดยนายปุ๊อ้างว่า ประกอบอาชีพเล่นหุ้น ทำให้มีฐานะ โดยเงินที่ได้มาก็นำมาช่วยจุนเจือครอบ

ครัวนางสาวอ้อม ทั้งยังซื้อบ้านให้มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซื้อรถไถให้อีก 800,000 บาท เป็นเงินสด นอก

จากนี้ ยังมีรถยนต์จำนวนเกือบ 10 คัน จอดไว้ภายในบ้านของนางสาวอ้อมด้วย นอกจากนี้ รถกระบะและ

รถยนต์หลายคัน นายปุ๊ได้ถ่ายโอนเป็นชื่อของนางสาวอ้อม และนายวิรัตน์ พ่อตา
นอกจากนี้ ความร่ำรวยของนายปุ๊ ยังซื้อรถกระบะให้เป็นชื่อของนายเอกราช น้องเขยของนางสาวอ้อมอีก

ด้วย ทำให้ครอบครัวนี้เรียกได้ว่าลืมตาอ้าปากได้เพราะผู้ชายชื่อปุ๊ ทั้งยังเคยเอาเงินฝากในบัญชีพ่อตาให้

ร่วมล้านกว่าบาท ซื้อทองให้ใส่ โดยทรัพย์สินที่นายปุ๊ยกให้คาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าของคดีฆ่ายก

ครัวในพื้นที่ อ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ชุมพร สามารถจับกุมตัวนายธีรพล ปิ่นอมร ผู้

ต้องหาตามหมายจับของศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น ได้แล้วในวันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามเส้นทางที่คาดว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีเข้ามาภายในพื้นที่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัว นายธีรพล ไปยัง ภ.จว.ชุมพร เพื่อทำการสืบสวนขยายผลและดำเนิน

การนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับทราบแล้ว ซึ่

งได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสังกัดตำรวจ ภ.จว.ชุมพร ที่มีมาตรการในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และไหว

พริบปฏิภาณในการจดจำตำหนิรูปพรรณของผู้ก่อเหตุหรือผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งถือได้ว่าการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด

เป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายใน

การรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา รวมถึงสามารถติดตามนำตัวผู้ต้องหาที่

ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ ผบ.ตร.ยังได้กำชับให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลัก

กฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และ

ต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อ

มั่นให้กับประชาชนและสังคม

 

***************************

(ขอขอบคุณเรื่องจาก   tnews)