เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

แมงปอ ชลธิชา นักร้องลูกทุ่งเสียงดีหลังจากหายหน้าหายตาไปสักพักหนึ่งล่าสุด ได้ควงสามีแดนเซอร์ บิ๊ก ปิยะพงษ์ มาออกสื่อครั้งแรก พร้อมเผยถึงมรสุมชีวิตที่ผ่านมา

– เจอกันยังไง ?

            บิ๊ก : ผมเคยทำงานร่วมกัน ผมเป็นแดนเซอร์ให้กับแมงปอ

– ใครปิ๊งใคร ?

            แมงปอ : ต้องเล่าย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรามีโอกาสมาร่วมงานคอนเสิร์ตกัน อันนั้นเจอกันครั้งแรกเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ มันมีชอตหนึ่งหนูต้องนั่งตักเขาในโชว์ พอนั่งตักปุ๊บก็มองหน้ากัน เราก็รู้สึกว่าคนนี้คิดอะไรกับเราแน่เลย ด้วยสายตาของเขา (หัวเราะ)

– ตอนนั้นคิดอะไรไหม ?

            บิ๊ก : คิดครับ

– ดูออกได้ยังไงว่าเขาปิ๊ง ?

            แมงปอ : เห็นแววตาเขา ตอนนั้นหนูไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างคนต่างมีคนที่คบอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ร่วมงานกันมาตลอด แต่เราต่างคนต่างมีแฟน

– ทำไมมาปิ๊งเขาล่ะในเมื่อมีแฟน ?

            บิ๊ก : มันเป็นความรู้สึกแอบชอบ

   แมงปอ : เราไม่ได้สานสัมพันธ์ แค่รับทราบว่ามีอะไรในแววตา เขาอ่อนกว่า 3 ปีค่ะ

– สานต่อยังไง ?

            แมงปอ : เราทำงานด้วยกันมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเขาเลิกกับแฟน เราก็เลิกกับแฟน

– ตอนทำงานร่วมกัน ตอนมีอะไรในใจบ้างแล้ว เจอหน้ากันวูบวาบไหม ?

            แมงปอ : ก็มองหน้ากัน แต่ไม่ได้คุยอะไรเยอะแยะ ส่วนใหญ่เวลาไปงานแฟนหนูก็ไปด้วย เลยไม่ได้แสดงออกอะไร (หัวเราะ)

– ต้องร้องเพลงเป็นชู้ทางใจ ?

            แมงปอ : (หัวเราะ)

   บิ๊ก : มันเป็นช่วงหนึ่งที่เรามีแฟน หลังจากนั้นก็เลิกแฟน ไม่ได้เลิกเพราะมือที่สาม ผมไปบวช แฟนก็เปลี่ยนไป

– แมงปอเลิกแฟนยังไง ?

            แมงปอ : หนูถ้ามีเรื่องอะไรมาทำให้เราเสียความรู้สึก เราจะเริ่มนับถอยหลัง เคานต์ดาวน์ในใจ พอถึงจุดหนึ่งจะศูนย์แล้ว หนูจะเริ่มคุยกับคนอื่นโดยไม่ได้บอกเขา

– ใครเริ่มก่อน ?

            บิ๊ก : ผมทักเฟซบุ๊กไปหาก่อน ประโยคแรกที่พูด เป็นไงบ้างครับ ถามสารทุกข์สุกดิบ

– ตอนนั้นรู้สึกยังไง ?

            แมงปอ : ก็ถามว่าเรื่องอะไร เขาบอกว่าเห็นเลิกกับแฟน เขาก็ตรงมา แต่หนูตรงกว่า คุยแป๊บหนึ่งถามว่าจะจีบหรือเปล่า เพราะหนูผ่านการแต่งงานมาแล้ว ตอนนั้นหนู 31-32 เขาก็ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมา

  บิ๊ก : มันเขินครับ ก็เลยส่งไปแค่นี้ (หัวเราะ)

– รู้ไหมว่าเขาแต่งงานมาแล้ว ?

            บิ๊ก : รู้ครับ รู้ว่าเขาเลิกแล้วมีแฟนอีกคนหนึ่ง

 แมงปอ : เราเป็นเพื่อนกันในเฟซอยู่แล้ว เห็นความเคลื่อนไหวกันอยู่แล้ว กับอีกคนหนึ่ง ช่วงหนึ่งหนูไปเปิดร้านอาหาร ก็เหมือนมาดีลงานที่ร้านเหมือนคุยกัน คบกัน 3 ปีกว่าได้

 บิ๊ก : เราก็มีแฟนเหมือนกัน แล้วก็เลิกในเวลาใกล้เคียงกัน หลังจากเลิก ก็นัดเจอกันทานข้าว

– เขาสวีตไหม ?

            แมงปอ : ไม่เลยค่ะ ก็แปลกตรงนี้แหละ ส่วนใหญ่ที่เจอผู้ชายเขาจะเอาใจเรา ตามใจ มีช่วงงอแงง้องแง้ง เขาก็จะง้อ แต่คนนี้ไม่ง้อเลย (หัวเราะ) หนูเริ่มรู้สึกเบื่อคนตามใจหนู

– ชอบอะไรในตัวเขา ?

            บิ๊ก : ชอบในความเป็นตัวเขานี่แหละ เขาเป็นคนมีหลายอารมณ์ มีติ๊งต๊อง มีครบเลยครับ

– อยู่มานานแค่ไหน ?

            แมงปอ : 4 ปีกว่าค่ะ เขาเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น ตอนนี้มีลูกแล้วค่ะ เป็นผู้ชาย

– ช่วงที่มีข่าวว่าตกอับ เป็นช่วงไหน ?

            แมงปอ : ก่อนหน้าเจอเขาค่ะ แต่พอเราคบกันไปสักพัก ก็มีช่วงที่เราเหมือนอยู่ในจุดต่ำเหมือนกัน มีอุบัติเหตุที่เราต้องใช้เงินกันทั้งสองคน แทบไม่มีเงินเหลือในบัญชี

– แม้แต่ไข่จะกินก็ไม่มี ?

            แมงปอ : จริงค่ะ ปี 2554 ไข่ฟองนึงก็ต้องแบ่งกันกิน แต่พออยู่กับเขา เขาไม่ทำให้เรารู้สึกเครียด คอยยิ้ม คอยหัวเราะ ปลอบใจตลอด ทำเหมือนทุกอย่างปกติ เราก็ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่

– ช่วงวิกฤตไปขายไก่ทอด ?

            แมงปอ : ใช่ค่ะ ที่อยุธยา วังน้อย ค่ะ มีแฟนเพลงทักบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่ไปขาย เขาจะพูดมาตลอดว่าทำไมแมงปอปล่อยให้แม่ขายไก่ทอด แรก ๆ ก็เสียใจ แต่หลัง ๆ คุณแม่เป็นคนเข้มแข็งมาก หนูโดนอะไรมาค่อนข้างเยอะ โดนในวงการหลอก แม่ก็อยากให้เราออกจากวงการ แล้วแม่จะทอดไก่ขายเลี้ยงเอง

– ถึงขนาดทำร้ายตัวเอง ?

            แมงปอ : ใช่ค่ะ มันเครียดและไม่ค่อยเล่าปัญหาให้ใครฟัง มันคิดฟุ้งซ่าน จนขับรถก็อยากหักพวงมาลัยลงข้างทาง อยู่คนเดียวก็พยายามทำให้ตัวเองเจ็บตัว เลือดออก หนูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ามันหนักหนา ที่ผ่านมาหนูจะตั้งคำถามกับตัวเองตลอดว่าทำไมคนนั้นทำกับเราแบบนี้ ทำไมคนนี้ทำกับเราแบบนั้น จนวันหนึ่งหนูก็คิดได้ว่าถ้าเขาไม่ขาด เขาก็คงไม่ทำร้ายเรา นั่นคือการดึงสติกลับมา หนูเลยมองว่า เฮ้ย เราคงมีอะไรสักอย่างที่ช่วยเขาได้ เขาทำเราแล้วเขาจะหาย หนูก็เลยเปลี่ยนจากการนั่งหาคำตอบ เปลี่ยนมาเป็นนั่งสวดมนต์ แผ่เมตตาให้คน

– ให้เพื่อนยืมเงิน ?

            แมงปอ : ใช่ค่ะ หนูมีเพื่อนหลายคนมากที่มีปัญหายืมแล้วไม่คืน แต่มีอยู่คนหนึ่ง จบ ม.3 เพื่อนสนิท เราไปเรียน ปวช. ด้วยกัน เราเห็นเขามาตลอด ว่าเขามีปัญหาครอบครัว ทะเลาะกับแม่ จนมีปัญหาเรื่องเงิน ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม

– ช่วยเขาจนเขาเรียนจบ  ?

            แมงปอ : ใช่ค่ะ ไม่ถึงกับช่วยจนเขาเรียนจบ แต่ช่วยเขามาตลอด ตั้งแต่ ปวช. เขาไม่มีตังค์ก็มาขอกู้เงินแม่หนู แม่ก็ตีเช็คไปให้ ก็ให้แม่จ่ายค่าเทอมให้เขาด้วย ให้เขายืมก่อน มันเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ จนมหาวิทยาลัย เราต้องถือถุงกับข้าวไปห้อยไว้หน้าห้องให้เขา เพราะเขาบอกเราว่าไม่มีเงินเลย

– ยังตามหาอยู่ไหม ?

            แมงปอ : เลิกตามแล้วค่ะ ถ้าจะเจอก็เจอได้ แต่หนูคิดว่ามันเสียเวลาที่จะคุยกัน ตอนนั้นก็พ้นวิกฤตมาหลายปีแล้วเหมือนกัน เริ่มจะตั้งตัว พอหนูประสบปัญหาปี 2554 หนูได้เงินมาก็จะใช้เงิน เดี๋ยวคนอื่นจะมาใช้เงินฉัน จะไปเที่ยวต่างประเทศ

– รู้เรื่องแมงปอตกอับมาก่อน ?

            บิ๊ก : รู้ครับ ตอนเข้ามาเขาพ้นช่วงหนัก ๆ มาแล้ว ผมเข้าไปดูแลเรื่องเงินแทน คือจะไม่ให้เขาเก็บเงินไว้ เพราะถ้าเขาเก็บเงินเขาจะใจอ่อน เดี๋ยวโอนให้คนโน้นคนนี้ ผมเลยตัดปัญหาเงินอยู่ที่ผม เวลาใครมีปัญหา เงินก็อยู่ที่ผม เขาก็เคยมาอ้อน ผมดูคน

 แมงปอ : ขนาดดูแล้วก็ยังโดนอีก แต่คนนี้ตอนเราลำบากเขามาช่วยเรา

– การได้เงินทองมา ให้เขาเก็บ ไว้ใจมากน้อยแค่ไหน ?

            แมงปอ : มันเหมือนคนคนเดียวกัน หนูบอกเขาแล้วว่าเราคบกันจะไม่มีการแต่งงาน เพราะหนูเคยแต่งงานมาแล้ว บอกได้เลยว่าการแต่งงานไม่ได้มาชี้วัดอะไร อยู่ที่ใจ พอหนูท้องเราก็จดทะเบียนกัน กับคนที่แต่งงาน หนูไม่ได้จดทะเบียนค่ะ ส่วนเรื่องการแต่งงานอย่างที่บอกค่ะ การแต่งงานไม่ได้ชี้วัดอะไร มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ

– เคยโดนโกงเป็น 10 ล้าน ?

            แมงปอ : จริงค่ะ เมื่อก่อนหนูเคยอยู่ในวงการ ช่วงดัง ๆ แทบไม่ได้บริหารอะไรเอง มีผู้จัดการดูแลทุกอย่าง รับงานให้ เก็บเงินให้ ถึงเวลาโอนค่าตัวให้เรา ช่วงหลัง ๆ เริ่มค่าตัวไม่ได้ ผ่านไป 2-3 ปี หนูเพิ่งรู้ เขาโกงเพราะติดการพนันค่ะ หนูไม่ได้คืนเลยค่ะ บ้านหนูซื้อตั้งแต่อายุ 16 เป็นชื่อเขา เพราะเขาบอกว่าหนูยังซื้อไม่ได้ ยังเด็กอยู่ รถก็ชื่อเขา 10 ล้านคือ บ้าน รถ เงินสด ค่าตัวหนูตอนนั้น 7.5 หมื่น ถึงหนูประมาณ 3 หมื่นกว่า 4 หมื่น ตอนนี้หนูก็ไม่ตาม หนูปลง เพราะยังไงก็ไม่ได้คืนอยู่แล้ว หนูไม่ได้เป็นเจ้าหนี้เขาคนเดียว ยังมีหนี้นอกระบบตามล่าเขาเหมือนกันจนมาถึงหนูด้วย เพราะเขามองว่าผู้จัดการกับศิลปินก็ต้องคนคนเดียวกัน ต้องรู้เห็นสิ ถึงขั้นเอาปืนมาวางต่อหน้าเหมือนกัน

– อยากบอกอะไร ?

            แมงปอ : ก็ขอให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเขามีชีวิตที่ดี เขาจะไม่เบียดเบียนใคร

– ช่วยตามไหม ?

            บิ๊ก : ไม่ครับ ปล่อยแล้วเหมือนกัน

ตอนมีปัญหา ทำให้หางานไม่ได้ ?

            แมงปอ : ใช่ค่ะ มีงานติดต่อมาล่วงหน้าข้ามปี เขาเป็นคนคุย มีการเก็บมัดจำไปแล้ว บางงานเก็บเงินเต็มไปแล้ว โดยหนูไม่ทราบเรื่อง พอถึงเวลาหนูไม่ได้ไปงาน เขาก็มองว่าหนูเบี้ยวงาน

– ปัจจุบันแมงปอคือแม่ค้าออนไลน์ ?

            แมงปอ : หนูไม่มีแบรนด์ เพราะไม่กล้าลงทุนในเวลานี้ ใครอยากให้ขายหนูก็ขาย

  บิ๊ก : เราก็ช่วยกันแพ็ก แล้วเอาไปส่งครับ

  แมงปอ : ตอนนี้หนูมองว่าดี แต่ไม่ได้ขายทีเป็นล้าน ๆ เดือนนึงกำไร 6-7 หมื่น ก็พออยู่ได้

– ต่ำสุดเดือนนึงเท่าไหร่ ?

            แมงปอ : 2-3 หมื่นก็มี สูงสุดถึงแสนก็มี สำหรับหนูช่วงแรกยากมาก หนูเข้าวงการตั้งแต่ 16 ร้องเพลงอย่างเดียว ไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร ทำอะไรได้บ้าง จนมาเจอเพื่อน เพื่อนเขาทำอยู่แล้วเลยมาแนะนำเรา เราก็ทำไปเรื่อย ๆ

– ไม่คิดทำอัลบั้ม ?

            แมงปอ : ยังค่ะ

– อยากให้เขาเข้าวงการไหม ?

            บิ๊ก : แล้วแต่เขาดีกว่า อยากให้เขาสบายใจ

    แมงปอ : เขาเป็นคนแรกที่รองรับอารมณ์หนู จริง ๆ เราโวยวายเขาก็ไม่สนใจ เย็นแล้วค่อยมาคุยกัน นี่คือความประทับใจค่ะ (หัวเราะ)

– ทำไมยังรับได้ ?

            บิ๊ก : เขาวีนแค่เรื่องที่เขาเหนื่อย ไม่ได้วีนทุกเรื่อง เวลาเขาวีนผมก็นิ่ง ให้เขาบ่นระบายไปเต็มที่ พาเขากินอะไรอร่อย ๆ ก็หายแล้วครับ

– อยากให้บอกอะไรกันและกัน ?

            แมงปอ : ขอบคุณที่ดูแลและเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ตั้งแต่เราคบกันแรก ๆ จนเรามีลูกด้วยกัน เขาก็ยังเป็นคนรักครอบครัว เสมอต้นเสมอปลายค่ะ

    บิ๊ก : ขอให้จับมือกันเดิน เจอปัญหาอะไรเดี๋ยวเราก็ข้ามผ่านไป

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online