เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณี นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องของชมพู่ เปิดเผยว่า ถ้าหากมีหมายจับออกมาว่าคนร้ายเป็นญาติหรือคนใกล้ชิดของตน ตนก็คงจะต้องกลับมาคิดถึงครอบครัวของคนร้ายที่เป็นญาติตนเช่นกัน

ตนจะไม่เครียดถ้าพยานหลักฐานชี้นำไปว่าคนร้ายตัวจริงเป็นญาติของตน และตนจะไม่เสียใจ หากญาติหรือคนใกล้ตัวเป็นคนร้าย เพราะตนเสียลูกสาววัย 3 ขวบไป คนร้ายก็ควรได้รับโทษที่สาสม คือประหารชีวิต และนี่คือสาเหตุที่ตนไม่เสียใจ และเชื่อว่าครอบครัวของคนร้ายเองก็ต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างที่ตนได้รับ

แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานของตำรวจ และตนก็ไม่ได้ชี้นำว่าใครเป็นคนร้าย ซึ่งตอนนี้ตนก็ยังเชื่อใจและมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ถ้ามีหลักฐานชี้นำไปที่ลุงไชย์พล ไม่ใช่จนท.ตำรวจจะทำให้ตนเชื่อเพียงคนเดียว แต่ตำรวจต้องแสดงหลักฐานให้คนทั้งประเทศเห็นว่า ตำรวจนั้นจับผู้ร้ายตัวจริง ไม่ได้จับแพะจับลา

นางสาวิตรี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ช่วงที่พบศพน้องชมพู่ ตนก็เคยห้ามปรามลุงไชย์พล ไม่ให้ขึ้นเขาภูเหล็กไฟบ่อยๆ เพราะใจจริง ตนก็กลัวว่าจะทำอะไรตกหล่น แล้วตำรวจจะเก็บเอาไปเป็นหลักฐาน ซึ่งก็มีพูดห้ามปรามกันบ้าง แต่ก็ถือว่าทุกคนโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ที่จะสอนทุกวัน ตนก็คงจะไปพูดห้ามปรามบ่อยๆ ไม่ได้ แต่ถ้าลุงไชย์พล สะดวกให้สัมภาษณ์กับสื่อ มันก็แล้วแต่เขา

สำหรับคนที่คิดต่างว่าน้องชมพู่เดินขึ้นภูไปเสียชีวิตเองนั้น ตนก็อยากถามว่ากลับว่า ถ้าน้องชมพู่เดินขึ้นไปเองถอดเสื้อผ้าเอง แล้วน้องชมพู่จะตัดผมตัวเองได้ยังไร เพราะตอนนี้ตนก็ยังเชื่อว่ามีคนฆ่าลูกตนแน่นอน เพราะเด็กวัย 3 ขวบ ที่ไม่เคยปล่อยมือจากพ่อแม่เลย แล้วเดินด้วยความตั้งใจขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟคนเดียวได้

ตนคิดว่าลูกสาวใช้เวลา 2 วันก็ไม่น่าจะถึงจุดที่เสียชีวิต อีกทั้งแพทย์ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าลูกสาวเสียชีวิตในวันไหนกันแน่ อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าสิ่งที่กังวลที่สุด คือ กลัวตำรวจจับแพะ เพราะกระแสข่าวที่มุ่งไปที่คนใกล้ตัวของตน แต่ก็ต้องดูไปก่อนว่า ผลการจับกุมจะออกมาแบบไหน

นางนลิน เงินนาม หรือ ป้าถอนซึงเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นพยานยืนยันให้กับ ลุงไชย์พล เปิดเผยว่า ตนพร้อมที่จะเป็นพยานในศาลให้ลุงไชย์พล หากวันหนึ่งถูกออกหมายจับ เพราะเท่าที่ตนรู้จักลุงไชย์พลไม่น่าเป็นคนที่จะก่อเหตุเช่นนี้ได้ อีกทั้ง ช่วงที่เกิดเหตุตนอยู่กับลุงพลเกือบทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดเหตุน้องชมพู่หายไป ตนก็อยู่กับลุงไชย์พลไม่มีช่วงเวลาที่จะไปก่อเหตุได้

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตนอยู่กับลุงไชย์พลเกือบตลอดไปไหนมาไหนด้วยอยู่ด้วยกัน จนไม่มีเวลาที่จะปลีกตัวไปไหนได้ ส่วนตัวรู้สึกสงสาร โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ตำรวจเข้ามาปิดล้อมบ้าน ตนเห็นภาพแล้วรู้สึกเห็นใจ เศร้า ไม่คิดว่าลุงไชย์พลจะมาเจอเรื่องแบบนี้ ตนไม่กลัวที่จะขึ้นศาล เพราะคิดว่าลุงไชย์พลเป็นผู้บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม สำหรับอาชีพชาวบ.กกกอก ทำไร่มันสำปะหลัง เวลา 07.00 กลับบ้านเวลา 17.00 น. ส่วนทำนาออกจากบ้านเช้าตรู่ และกลับบ้าน 15.00 ถึง 17.00 น. ขณะที่ทำสวนยางพาราออกจากบ้านเวลาค่ำ กลับบ้านอีกทีรุ่งเช้าวันถัดไป คาดการณ์เวลาที่คนร้ายอุ้มน้องชมพู่ จากบ้านเวลา 09.00 น ไปถึงจุดพบศพเวลา 11.00 น จะใช้เวลาเดินทางกลับลงมายังหมู่บ้าน ราวๆ 3.30 ชม.