เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ตนเดินทางไปยังที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เป็นระยะทาง 93 กิโลเมตร เพื่อดูว่าในวันที่น้องชมพู่หายไปนั้น ตนเดินทางไปกับลุงพลจริงหรือไม่

ทั้งนี้ก่อนหน้าตนก็เคยให้ปากคำกับตำรวจตั้งแต่ช่วงแรก และเซ็นยืนยันการให้ปากคำไปแล้ว แต่ครั้งนี้ตำรวจได้มาขอความร่วมมือให้ไปดูสถานที่จริง เพราะยังไม่มีตำรวจหน่วยงานใดเคยไป ซึ่งตำรวจได้มารับตนจากในหมู่บ้านไปเวลาประมาณ 10.00 น. โดยเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ๆ แวะที่ด่าน ที่อำเภอหนองสูง และไม่ได้แวะจอดที่ไหนอีก เหมือนกับวันที่เกิดเหตุจริง ๆ และเมื่อไปถึงวัดและเห็นสถานที่จริง ตำรวจก็พาตนเดินทางกลับทันที

ในระหว่างทางตำรวจก็สอบถามว่าแวะซื้อของที่ไหนบ้าน ขากลับก็ได้แวะที่ตลาดในอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตนได้พาตำรวจเดินตลาดเล็กน้อย และกลับทันทีโดย ถึงหมู่บ้านกกกอก เวลาประมาณ 13.00 น.

นายม็อค กล่าวต่อว่า ตนมองว่าตำรวจคงเรียกตนไปสอบถามข้อมูลเรื่องที่สงสัยเพิ่มเติมเท่านั้น เพราะตำรวจไม่ได้ถามเรื่องอื่นเลย รวมถึงระหว่างเดินทางตำรวจก็ไม่ได้มีการจับเวลาการเดินทาง อีกทั้งตำรวจก็ยังขับรถค่อนข้างเร็ว อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ให้การเข้าข้างลุงพล เพราะในวันเกิดเหตุนั้นตนก็ได้เดินทางไปกับลุงพลจริง ๆ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับลุงพล กรณีที่พยานของเจ้าตัวถูกเรียกไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โดยนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตนคิดว่าสาเหตุที่ตำรวจเชิญตัวนายม็อคไปชี้สถานที่เกิดเหตุจริง เพราะตำรวจคงอยากรู้ว่าในวันเกิดเหตุนั้นตนเดินทางไปที่ไหนบ้าง และตนคิดว่าสิ่งที่จะทำให้ตำรวจเลิกสงสัยตนนั้น ขึ้นอยู่กับพยานแวดล้อมและคำให้การของพ่อแม่น้องชมพู่ ซึ่งตนคิดว่าตำรวจก็ต้องทำตามอยู่แล้ว

นายไชย์พล กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้กังวลเรื่องที่ตำรวจมาสอบถามนายม็อคเพิ่มเติม เพราะพยานของตนก็พูดความจริงอยู่แล้ว และตนก็เชื่อในพยานของตน และความกังวลก็ลดน้อยลงแล้ว เพราะผ่านไปกว่า 4 เดือน

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมตำรวจถึงเรียกนายม็อคไปสอบถามเพิ่มเติม แต่ตำรวจคงรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ที่ผ่านมาเราก็พยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอด ซึ่งก็แล้วแต่เขาจะทำอะไร เพราะตนก็ขัดคำว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ตนเป็นประชาชน แต่ยอมรับว่าอ่านความคิดตำรวจยาก แม้ว่าเรื่องจะผ่านมานานแล้ว แต่ตอนนี้ตนก็ยังมีความกังวลเหมือนเดิม เพราะถึงแม้ตนจะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่บางอย่างที่เรามองไม่เห็นก็ไม่อาจจะต้านอะไรได้ ซึ่งตนก็คงอยู่ไปตามประสาของตนอย่างนี้

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนลิน เงินนาม พยานของลุงพล เปิดเผยว่า แม้สามีจะถูกเรียกไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตนก็ไม่กังวล หากตำรวจจะเรียกตนไปสอบถามข้อมูลด้วย เพราะที่ผ่านมาตนก็เดินเคียงข้างและเป็นพยานให้ลุงพลมาเสมอ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และตนก็หนักแน่นในคำพูดของตนที่เป็นพยานให้ลุงพล และยืนยันว่าในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนไปส่งพระกับลุงพลที่อำเภอหนองสูงจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสาเหตุที่ตำรวจเรียกสามีไปสอบถามเพิ่มเติม เพราะตำรวจอาจจะมีข้อสงสัยอะไรบางอย่าง ตำรวจก็ไม่ได้สอบปากคำสามีมากเท่าสอบปากคำตน และถ้าต้องขึ้นศาลตนก็พร้อมเป็นพยายให้ลุงพล เพราะตนเดินทางไปส่งพระกับลุงพลจริง ๆ

สำหรับความกังวลว่าคดีน้องชมพู่อาจพลิกนั้น ลุงพล บอกว่า ไม่กังวล เชื่อว่าพยานพูดความจริง ขณะที่นางสมพร บอกว่า กังวล แต่นางนลิน บอกว่า ไม่กังวล เชื่อมั่นในตัวลุงพล

นางจำลอง แดนกาไสย ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า แม้ว่าตำรวจจะมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพยานของลุงพล ซึ่งลุงพลก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และตนก็ยังเชื่อมั่นในตัวของลุงพลเช่นเดิม ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าการที่ตำรวจเชิญตัวนายม็อคไปนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเขาสอบถามอะไรบ้าง อาจจะเกี่ยวกับลุงพลหรือไม่เกี่ยวก็ได้ แต่ตนมองว่าคนเราถ้าบริสุทธิ์ก็ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไร

TV Pool OnlineTV Pool Online