เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หนึ่ง จักรวาล เผย ไม่เคยใช้เส้นสายให้ ลูกสาว ภูมิใจ เดินตามรอยพ่อเข้าวงการ

หนึ่ง จักรวาล นักเปียโนคิวทองของยุค ควงลูกสาวสุดหวง “น้องมินมิน” วัย 9 ขวบ เผยที่มาลูกสาวขอเดินตามรอยคุณพ่อเข้าสู่วงการบันเทิง ประกาศลั่นไม่เคยใช้เส้นสายหางานให้ลูก โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มีหนิง ปณิตา, ชมพู่ ก่อนบ่าย และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เห็นเต้นได้ด้วย ทำไมถึงชอบทางนี้? น้องมินมิน : “เพราะว่าเวลาทำสิ่งๆ นี้มันทำให้หนูรู้สึกว่าหนูมีความสุข แล้วทำให้คนดูมีความสุขด้วย”

ภูมิใจในตัวลูกสาวไหม กล้าแสดงออกขนาดนี้? หนึ่ง : “ภูมิใจมาก เหมือนเขามาเติมเต็มชีวิตเรา ชีวิตผมไม่ร้องเพลง ไม่เต้น”

ห็นบอกในการโชว์แต่ละครั้งพี่หนึ่งไม่ได้เป็นคนนำลูก ลูกเป็นคนนำ? หนึ่ง : “มีหลายๆ เรื่องที่เราทำงานเกี่ยวกับเพลง พอในยุคปัจจุบันเราจะเจอเพลงหลายรูปแบบ มีเพลงลูกทุ่งอินดี้ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยนี้เยอะมาก เราไม่ค่อยได้ฟังเลย เวลาเราทำเพลงแต่ละครั้งเขาจะรู้เลยว่าหนึ่ง จักรวาล จะทำเพลงคัฟเวอร์ การคัฟเวอร์คือจะไม่เหมือนแผ่น การทำคัฟเวอร์ที่ดีคือต้องฟังออริจินอลให้ช้ำ แต่เราไม่มีเวลาฟัง เราก็ถามลูกว่าลูกรู้จักไหม ลูกบอกว่ารู้จัก เราก็เลยให้ลูกร้องให้ฟัง เราก็ใช้วิธีให้ลูกเป็นต้นเสียงแล้วจับคอร์สจากตรงนั้น พอเราไม่ฟังออริจินอลปุ๊บ เรามาฟังตรงนี้เหมือนได้สิ่งใหม่ เพลงลูกทุ่งอินดี้ในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่จะให้ลูกร้องให้ฟัง”

เขาได้เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ ไหม? หนึ่ง : “ดนตรีจริงๆ ไม่ได้เรียนเลย”

เราใช้คำว่าพรสวรรค์ได้ไหม? หนึ่ง : “น่าจะอย่างนั้น เพราะว่าตอนเด็กๆ ผมไม่ได้ตั้งใจอยากให้ลูกเป็นนักดนตรี ไม่อยากให้ลูกเป็นนักร้อง เพราะว่าลูกเป็นผู้หญิง เรารู้สึกว่าวันนึงพอเขามีครอบครัว เขาก็จากเราไป เขาคงไม่ได้เล่นเปียโนให้เราฟังแล้ว พอสิ่งที่เราไม่อยากได้ มันได้กลับมาหมดเลย”

ทำไมพี่หนึ่งถึงไม่อยากให้ลูกมาทางสายนี้ มันเงินดีมากเลย? หนึ่ง : “พี่กว่าจะมีชื่อเสียงก็อายุป่านนี้แล้ว วงการมันน่ากลัวนะนักดนตรีอ่ะ ถ้าเรามีลูกผู้ชายตั้งใจไว้ว่าจะให้เล่นเปียโน แล้วเขาต้องมีความรู้เหมือนเรา คือเรารู้งูๆ ปลาๆ นะ เรียนมั่วๆ ไปเรื่อย ต้องเก่งเท่าเรา อายุ 16 ต้องได้แล้ว แต่โชคดีที่เป็นผู้หญิง ก็เลยไม่ต้องถูกกดดันตรงนี้”

น้องมินมินโตขึ้นอยากเป็นอะไร? น้องมินมิน : “อยากเป็นนักร้อง เพราะตัวหนูเองชอบร้องเพลง”

ลูกอยากเป็นนักร้อง คุณพ่อว่ายังไง? หนึ่ง : “ก็ต้องตามใจเขา เคยถามทุกครั้งลูกอยากเป็นอะไร เขาบอกอยากเป็นนักร้อง เราบอกอย่าเลยลูก เราพยายามกันตลอด เอาแค่เรียนรู้ดีกว่าว่าการร้องเพลงแบบนี้เป็นยังไง ทุกวันนี้พยายามให้เขาฟังเพลงเก่าๆ เพลงใหม่พยายามฟังน้อยที่สุด เพื่อให้เขาเรียนรู้และซึมซับว่าเพลงเก่าๆ ลูกทุ่งสมัยเก่า เพลงลูกกรุงสมัยเก่า มันมีวิธีการเขียน การสร้างทำนอง ซึ่งคนในปัจจุบันไม่สามารถทำได้แล้ว เราเอาความใหม่ของตัวเราผสมผสานความเก่า ความใหม่แล้วมันจะเป็นตัวเรา พยายามสอนเขาประมาณนี้ แต่เราจะไม่สอนว่าต้องร้องอย่างนี้นะ ต้องเล่นดนตรีอย่างนี้นะ ไม่สอนเลย”

อะไรที่พี่หนึ่งขัดมินมินไม่ได้ในเรื่องน้องหมา? หนึ่ง : “วันหนึ่งเขาเดินมาบอกว่า หนูอยากมีน้อง แต่ด้วยความที่เขามีน้องไม่ได้แล้ว ก็อธิบายไป แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ซึ่งจริงๆ แม่เขามีภาวะแอคซิเดนไม่สามารถมีบุตรได้แล้ว ก็เลยเลี้ยงน้องหมาแล้วกันก็ยังทดแทนได้”

อาจารย์เป็นหนึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จยังไง? หนึ่ง : “คือผมอยากเปลี่ยนนามสกุล เพราะว่านามสกุลผมมันตกเลข 13 ด้วยความที่มีความเชื่อเรื่องดวง ทำไมครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงโดนโกง โดนหักหลังแล้วชีวิตก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็จะอยู่แค่นี้ ก็เลยอยากเปลี่ยนนามสกุล พยายามหาหมอดูจากคนที่เรารู้จัก เขาก็แนะนำให้เปลี่ยน สิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากเปลี่ยนนามสกุลคือ พี่ไปพูดกับพ่อหน้าโลงตอนที่พ่อเสีย เคาะโลงแล้วบอกว่าผมจะทำนามสกุลที่พ่อรักมากที่สุดให้ทุกคนรู้จักทั้งประเทศไทย ก็เลยมีความรู้สึกว่าเฮ้ยเราต้องเปลี่ยนนามสกุลแล้วเหรอ แล้วคุณแม่ก็บอกว่าอย่าลืมไปจุดธูปบอกพ่อนะ ก็มีวันหนึ่งเราเล่นดนตรีอยู่ตามผับ ตามบาร์ มีนักร้องประจำวงเขาบอกว่า ถ้าพี่อยากเปลี่ยนนามสกุลเขาแนะนำอาจารย์ให้ แล้วก็เขอกับอารย์เป็นหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้เปลี่ยนนาสกุล แต่เปลี่ยนตัวสะกดชื่อให้ แล้วบอกว่าอีก 3 เดือนจะมีงาน แล้วผมก็ถามว่าเบอร์เกี่ยวด้วยไหม เขาก็ถามว่าเบอร์อะไร เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้ พอได้เบอร์นั้นมา 3 เดือนเริ่มเข้าวงการทีวีแล้ว”

อาจารย์เจอพี่หนึ่งครั้งแรกรู้สึกยังไง? อาจารย์เป็นหนึ่ง : “วันที่เจอพี่หนึ่ง เห็นบางอย่างในความสามารถเขาก่อน เราเห็นว่าอีก 45 วันหลังจากนี้พี่หนึ่งจะพลิกชีวิตเลย”

การจัดคอนเสิร์ตให้คุณครูชาลี และอีกไม่นานคุณครูก็เสียชีวิต พี่หนึ่งไปร่วมงานศพด้วย? หนึ่ง : “พอทราบข่าวว่าครูเสีย เราก็ต้องไป เพราะว่าก่อนเริ่มทำคอนเสิร์ตเลย คือบัญญัติกับตัวเองไว้เลย ครั้งหนึ่งในชีวิตถ้าเรามีบุญจริงๆ วันหนึ่งเราจะนำเพลงของแผ่นดินที่ทรงคุณค่ากลับมาให้ดังมาอีกยุคนึง ซึ่งเพลงเหล่านี้เมื่อก่อนพี่เล่นงูๆ ปลาๆ พี่ไม่มีครูสอน ครูที่สอนพี่คือบทเพลงเหล่านี้ พี่คิดเลยวันหนึ่ง 20 ปีข้างหน้าเพลงเหล่านี้จะอยู่ไหม ไม่น่าจะอยู่ แล้วเพลงลูกกรุงก็หายไปจริงๆ แล้วตอนนี้ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในการนำเพลงลูกกรุงนี้กลับมา พี่มีโอกาสเจอครูครั้งแรกในงานคอนเสิร์ตเมื่อปีที่แล้ว มีโอกาสเข้าไปกราบครูถึงที่ เราไม่คิดว่าครูจะรู้จักเราหรอก ก็ขอทีมงานขอเข้าไปกราบครู พอเข้าไปกราบเสร็จ ทุกคนบอกว่าคนนี้ไงที่อยู่ในรายการ The Golden Song ไง ครูบอกจำได้ แล้วครูก็ให้พร ให้พรเสร็จแล้วคำทิ้งท้ายที่ครูฝากไว้กับเราคือ ครูฝากเพลงด้วยนะลูก เราก็รู้ว่าครูอยากให้เพลงของครูอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน

พอหลังวันนั้นเราคิดแล้วว่าถ้าเรามีโอกาสทำเพลงครูจริงๆ เราจะนำบทเพลงครูอีกหลายๆ เพลงที่ทุกคนอาจจะลืมไปแล้วกลับมา จนมีโอกาสได้ทำคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผู้จัดบอกว่ามีโทรศัพท์ประหลาดเข้ามา อยากให้จัดคอนเสิร์ตครูชาลี ถามว่ารีบไหมครับ เราก็ดีใจแล้วจะได้ทำเพลงครู ต้องจัดภายในอาทิตย์หนึ่ง ผมบอกว่าไม่ทันหรอกครับ เพราะเพลงอยู่ในรายการจริงๆ มีไม่ถึง 10 เพลง ถามว่าตอนนี้ครูเป็นยังไงบ้าง ครูอาการไม่ดีแล้ว อยู่ห้อง ICU จนผมได้ไปเจอครู ได้ไปกราบครูที่ห้อง ICU ณ วันนั้นผมพูดไม่ได้ แต่วันนี้ผมพูดได้แล้วว่าวันนั้นที่เห็นสภาพครู คือสายระโยงระยางเต็มไปหมด แล้วครูก็ดีใจที่เรามา พี่จับมือครู ครูก็จับมือผมแน่นเลย ผมบอกว่าครูครับ เดี๋ยวผมทำคอนเสิร์ตให้ครูนะครับ สิ่งที่ครูอยากได้ คืออยากให้เด็กรุ่นหลังอนุรักษ์เพลงของครูไว้ ครูรอดูคอนเสิร์ตนะครับ เพราะทุกคนบอกแล้วว่าครูจะอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่นานหมายถึงไม่ถึงอาทิตย์ ครูต้องรอดูนะครับ แล้วครูก็น้ำตาไหล เรากลับมาบ้านพี่เคลียร์คิวทุกอย่างเพื่อจัดงานนี้ เราก็ดูวันไหนที่เหมาะสม ก็พยายามทำเพลง เติมเพลงไปเรื่อยๆ จากตอนแรก 20 เพลง เป็น 40 เพลง ครูอยู่ได้จนถึงวันคอนเสิร์ต เราดีใจ เราต่ออายุครู จนวันคอนเสิร์ตเขาบอกว่าครูลุกขึ้นมาดูอีก 3 ชั่วโมง พอหลังจากนั้นครูก็อยู่มาได้จนครูเพิ่งเสีย ความรู้สึกพี่วันที่ไปเคารพศพ ไปถึงปุ๊บพี่ก็ไปยืนสวดมนต์ให้ครูยืนสงบนิ่ง เพราะว่าเราไปไม่ทันพระสวดแล้ว ผมก็พูดกับครูว่าผมทำให้ครูสำเร็จแล้วครับ ครูได้ดูคอนเสิร์ตแล้ว คิดว่าครูดีใจ และครูภูมิใจกับผม แล้วศิลปินทุกคนที่มาร่วมร้องเพลงให้ครู แล้วผมสัญญาว่าถ้าผมมีโอกาสอีก ผมจะทำบทเพลงของครูให้อยู่คู่แผ่นดินให้นานเท่านาน”

มีคนมาพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้พี่ติดใจถึงทุกวันนี้ ประโยคนั้นคืออะไร? หนึ่ง : “ตอนแรกเราคิดว่าจะต้องมีพูดกับเราอยู่แล้ว นี่เว่อร์หรือเปล่า ยืนหน้ารูปครูนาน เขาบอกว่าเป็นยังไงบ้างคุณหนึ่ง วันนี้ขอขมาครูเหรอ พี่รู้สึกเสียใจ พี่โกรธมาก ผมบอกว่า ผมไม่ได้มาขอขมาครูครับ ผมไม่รู้จะขอขมาเรื่องอะไร เพราะเราไม่ได้ทำผิด ใครจะพูดไร จะโกหกอะไรก็ได้ แต่ผมบอกได้เลยว่าคุณโกหกตัวเองไม่ได้”

อยากจะบอกอะไรครูไหม? หนึ่ง : “ผมพูดกับครูเสมอว่า ครูคือศิลปินของโลก นี่คือหนึ่งเดียวของโลก นี่คือแนวเพลงที่คนไทยต้องอนุรักษ์ไว้ ถ้าผมมีโอกาส ผมจะนำเพลงของครูให้อยู่คู่กับแผ่นดินตลอดไปให้ได้”

ขอบคุณข้อมูลจาก รายการ คุยแซ่บโชว์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซินเเสเป็นหนึ่ง สุดทน โพสต์ถึง หนึ่ง จักรวาล รอบที่ 2 หลังเจอมรสุมสาดน้ำลาย

“ไกรศร” แจ้งปม สาปแช่ง หลัง “หนึ่ง จักรวาล” โพสต์ขอโทษ!!

 

by TVPOOL ONLINE