เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการสั่งคดี ที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ,ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา ว่า คดีนี้ หลังจากตำรวจ สน.มีนบุรี สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ทางพนักงานอัยการ ได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า มีการเบิกความเท็จในชั้นศาล โดยทางตำรวจ ได้แจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท

ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

แต่อัยการเห็นว่า พฤติการณ์ที่มีการนำสืบพยานเป็นเท็จในคดีที่มีโทษประหารชีวิต เข้าข้อกฎหมาย ตามมาตรา 181 ผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 300,000 บาท

พนักงานอัยการ จึงสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี  ได้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหากับ ทนายษิทรา เพิ่มเติม ตามมาตรา 181 ซึ่งเป็นข้อหาที่มีอัตราโทษที่สูงขึ้น  พร้อมกันนี้  พนักงานอัยการคดีอาญามีนบุรี 1 ยังได้นัดให้ นายษิทรา หรือทนายตั้ม มาฟังคำสั่งทางคดี ในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ ด้วย” นายประยุทธ กล่าว

สำหรับคดีนี้ ทนายตั้ม ถูกตำรวจจับกุม เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี และพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี สั่งฟ้อง ส่งสำนวนให้อัยการตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2563