เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. น.ส.อิศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวแตงโม พร้อม ทนายความเข้าพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำลายพยานหลักฐาน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 เพิ่มเติมเป็นข้อหาที่ 2

 

หลังก่อนหน้านี้กระติกตกเป็นผู้ต้องหาและถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้การเท็จ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวให้อัยการ ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีดำเนินการฟ้องข้อหาให้การเท็จไปแล้ว แต่อัยการให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหากลับไปสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นคดีที่มีความซับซ้อนและให้ส่งฟ้องพร้อมกับคดีการเสียชีวิตของแตงโมนิดาที่เป็นคดีหลัก

โดยกระติก พร้อมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนทนายความ เปิดเผยว่า มารับทราบข้อหล่าวหาในส่วนที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการทำลายหลักฐาน ซึ่งรายละเอียดจากการตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลหลักฐานที่มีการแจ้งข้อหานั้นเป็นประเด็นที่ไม่น่ากังวล โดยหลักฐานที่พนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นการทำลายหลักฐานนั้น จะเป็นในส่วนของการลบรูปภาพในมือถือขณะที่มีการถ่ายในช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นการลบรูปตามปกติของคนที่หากรูปไหนไม่สวย หรือใช้ไม่ได้ก็จะลบตามปกติ

ด้าน “กระติก” เปิดเผยว่า สำหรับรูปภาพที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ตนเองลบทิ้งไปนั้น ยอมรับว่า ลบรูปจริงซึ่งรูปที่ลบเป็นรูปที่เบลอ หรือใช้ไม่ได้ ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นสาระสำคัญของคดี เพราะรูปที่ใช้เป็นหลักฐานก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปแล้ว ส่วนจะลบกี่รูปนั้น จำไม่ได้ และมีการลบทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ มีทั้งรูปเดี่ยวและรูปคู่ เป็นรูปที่ถ่ายเล่นกัน ไม่เกี่ยวกับภาพทิ้งขวดไวน์

ส่วนกรณีที่ทาง ” นายสันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ออกมาระบุ
กล่าวหาว่าทาง “กระติก” เป็นเหมือนคนจัดหาว่าเรารับงานเอนเตอร์เทนให้กับแตงโม ในส่วนนี้ทาง “ทนาย” ระบุว่า ตอนนี้ทางทีมกฎหมายกำลังเตรียมการรวบรวมหลักฐานที่จะยื่นฟ้องต่อศาลโดยตรง ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นใครที่ออกมาให้ความเห็นทางสังคม และโซเชียล รวมไปถึงทางด้าน “ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์” ด้วยที่ออกมาระบุว่าภาพที่ถ่ายเป็นการแต่งรูปขึ้นมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ขณะที่ทาง “กระติก” ยอมรับว่าค่อนข้างหงุดหงิด ตนเองไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นตามที่เขากล่าวหา ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ยืนยันว่าเจตนาที่ไปลงเรือเป็นการไปเที่ยวเล่น ทุกอย่างพูดไปหมดแล้ว อยู่ที่วิจารณญาณแต่ละคนจะตีความไปแบบไหน เราเองจะใช้สิทธิของเรา หากอะไรที่ไม่จริงแล้วเป็นการกล่าวหา ตนเองก็จะฟ้องดำเนินคดีต่อไป

“ส่วนตัวไม่อยากให้เขาทำแบบนี้กับใคร เพราะความจริงมันผิดไปจากเรื่องจริงค่อนข้างมาก แล้วตนเองก็ไม่รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว แล้วอยู่ดีๆมาพูดเรื่องที่ไม่จริง ตนก็เสียหาย เพื่อนก็เสียหาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ตนจึงรู้สึกไม่โอเค หนูไม่เข้าใจนะ ว่าทำแบบนั้นเพื่ออะไร จุดประสงค์เพื่ออะไร ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายมากๆ ตัวเองก็เดือดร้อนโดยสังคมต่อว่า จากสิ่งที่กล่าวหา ยืนยันไม่กังวลใจ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ก็ใช่สิทธิในส่วนนี้”

หากมีโอกาสเจอหน้ากับทาง “นายสันธนะ” ในส่วนนี้ตนไม่มีอะไรจะคุย เพราะไม่รู้จักเขา ไม่รู้จะคุยไปเพื่ออะไร เพราะสิ่งที่เขาทำไปทำไปเพื่ออะไร ไปหาคำตอบจากคนเหล่านี้คงไม่ได้ เอากฎหมายเจรจาดีกว่า ไม่ขอคุย

ทั้งนี้ในส่วนของ “ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์” ที่ระบุว่าภาพถ่ายที่ตนถ่ายคู่กับทางแตงโม ตรงสะพานพระราม 8 เป็นภาพแต่ง ในส่วนนี้ตนมองเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ ประเด็นนี้ตนอยากจะบอกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเก็บภาพ ข้อมูลไปหมดแล้ว ยืนยันไม่ใช่ภาพตัดต่อเพราะตนทำไม่เป็น อีกทั้งมองเป็นเรื่องเสียเวลา ทำไปเพื่ออะไร มองประเด็นเรื่องรูปค่อนข้างตกประเด็นไปแล้ว ขอใช้ช่องทางกฎหมายดำเนินการ

ส่วนกับทางเพื่อนๆบนเรืออีก 4 คน ยืนยันว่าตอนนี้ก็ยังคงได้คุยกันเรื่อยๆ มีใครโทรมาตนเองก็รับสายตามปกติ ส่วนคนที่ให้กำลังใจก็ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆคนสนิท ส่วนคนอื่นที่ออกมาระบุว่าสนิทกับตน หรืออ้างว่าเป็นเพื่อนตน ในส่วนนั้นตนไม่ขอกล่าวถึง เพราะไม่ได้สนิทกัน

ขณะที่ประเด็นเรื่องน้องอีสเตอร์ ทราบเรื่องว่าทาง “แตงโม นิดา” เสียชีวิตหรือยัง ในส่วนนี้ตนไม่อยากให้ใครเอาประเด็นเรื่องนี้ไปเชื่อมกับทางอีสเตอร์ เพราะน้องเองยังเล็กอยู่ ส่วนตัวหัวอกคนเป็นแม่อยากออกมาปกป้องชื่อเสียงของลูก ไม่อยากให้ลูกโดนโตมตีไปด้วย ส่วนตัวอยากจะรับกระเเสโจมตีจากสังคมเพียงคนเดียว ซึ่งตนเองก็พร้อมจะแก้ไปสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องๆไป เข้าใจสังคมโซเชี่ยลที่เข้าใจผิด ทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะก่า แต่หากอันไหนเกินไปก็ต้องใช้กฎหมาย

ส่วนที่ตำรวจจ่อแถลงปิดคดีในวันที่ 18 เมษายนนี้ ส่วนตัวรู้สึกดีใจอยากให้ทุกอย่างจบแล้วไปว่ากันในชั้นศาล เพราะยิ่งนานวันหากคดียังไม่จบ จะมีประเด็นที่แตกขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนตัวพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยตนเองจะใช้ทนายของตนเองเพียงคนเดียว ไม่ได้ใช้ทนายรวมกับ 4 คนบนเรือ ซึ่งส่วนตัวก็ยังมีการพูดคุยกันตามปกติ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องของคดี และเรื่องของนักข่าว เพราะที่ผ่านมาตนเองหวาดกลัวกับการตอบคำถาม ส่วนสภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นตามลำดับ เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยืนยันส่วนตัวใฟ้ความร่วมมือที่ดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่าง ยันตนก็พูดไปตามข้อเท็จจริง

ส่วนเรื่องของกรมธรรม์น้องอีสเตอร์ ในส่วนนี้ตนไม่ขอยุ่งเกี่ยวเป็นเรื่องของคุณแม่ ตนยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับทางเจ้ทหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่ทางคุณแม่บอกไม่ให้อภัยตน ในส่วนนี้ตนไม่ขอพูดถึง เพราะไม่ทราบว่าหากพูดไปแล้วจะกระทบอะไรอย่างไรบ้าง จะมีดราม่าอะไรอีก

“ยืนยันว่าตอนนี้ส่วนตัวบังรู้สึกกลัวนักจ่าว เพราะที่ผ่านมาตนพูดอะไรไป แต่นักข่าวไปตัดเอาแค่นิดเดียว รวมไปถึงพาดหัวข่าวก็ไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว ยืนยันว่าส่วนตัวอบากจะพูดกับนักข่าวทุกคน แต่รู้สึกผิดหวังหลังอ่านข่าวกับสิ่งที่พูดไป เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์เพราะกังวล ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว อยากพูดกับทุกคน แต่พอพูดไปแล้วเป็นผลเสียกับตน เลยอยากให้ทุกคนเข้าใจ “