จอห์นนี่ เดปป์ ชนะคดีฟ้องอดีตภรรยา แอมเบอร์ เฮิร์ด ข้อหาหมิ่นประมาท โดยการแผ่แพร่บทความผ่านวอชิงตันโพสต์ ว่าเธอเป็นตัวแทนสังคมในเรื่องการถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว เมื่อปี 2561 ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ระบุชื่อ แต่มันก็บ่งชี้ว่าบทความนี้กล่าวถึง จอห์นนี่ เดปป์ อย่างชัดเจน
วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เวลาตามสหรัฐอเมริกา มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่า ศาลตัดสินให้ จอห์นนี่ เดปป์ ชนะคดียื่นฟ้องกับ แอมเบอร์ เฮิร์ด ที่ทำให้ตนได้รับความเสียหายจากบทความที่อดีตภรรยาเผยแพร่ผ่านวิชิงตันโพสต์ โดยเดปป์จะได้รับเงินชดเชยค่าเสียหาย 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทน 10 ล้านดอลลาร์ และค่าเสียหายเชิงลงโทษ 5 ล้านดอลลาร์
ส่วนเฮิร์ดจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากเดปป์เป็นจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากทนายของเดปป์ทำให้เธอเสียหายจากการกล่าวหาว่าเรื่องที่เดปป์ใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องโกหก
หลังจากที่ฟังคำตัดสินในศาล เฮิร์ด ก็ได้ออกมาแถลงว่า “ความผิดหวังในวันนี้ ฉันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใจฉันสลาย ถึงจะมีหลักฐานมากมายเป็นภูเขาก็ยังพอที่จะยืดหยัดสู้กับอำนาจมากมาย, อิทธิพล และการครอบงำของอดีตสามีของฉันได้ ฉันรู้สึกผิดหวังขึ้นไปอีก จากคำตัดสินในครั้งนี้ที่มีต่อผู้หญิงคนอื่นๆ มันคือการก้าวถอยหลัง การที่ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เมื่อผู้หญิงออกมาพูด แต่กลับถูกสังคมดูหมิ่น และทำให้อับอาย”
โดยเธอยังเสริมอีกว่า “มันเป็นการก้าวถอยหลังของความคิดที่ว่า การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นเรื่องที่ควรจะจริงจังได้แล้ว ฉันเชื่อว่าทนายความของจอห์นนี่ นั้นประสบความสำเร็จที่ทำให้เหล่าคณะลูกขุนนั้นมองข้ามประเด็นที่สำคัญอย่างเสรีภาพในการพูด และเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ชัดเจนจากที่เราชนะคดีในอังกฤษ ฉันเสียใจที่ฉันแพ้คดี แต่ฉันเสียใจยิ่งกว่าที่ดูเหมือนว่าจะเสียอะไรที่มันถูกต้องไป ฉันคิดว่าในฐานะที่ฉันเป็นชาวอเมริกัน ฉันสิทธิ์ในการที่จะพูดอย่างเสรี และเปิดเผย”
ส่วนทางด้านเดปป์ก็ได้ออกมาแถลงการณ์บน Instagram ว่า “คำกล่าวหาเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ และอาชญากรรมที่ไม่เป็นความจริงต่างๆ ถูกระดมเข้าใส่ผมผ่านสื่อ ทำให้เกิดคอนเทนต์แสดงความเกลียดชังถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ แม้จะไม่เคยมีการตั้งข้อหากับผมเลยก็ตาม มันเดินทางไปรอบโลกแล้ว 2 รอบภายในเวลาแค่เสี้ยววินาทีและมันส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อทั้งชีวิตและการงานของผม”
“แต่ 6 ปีให้หลัง คณะลูกขุนก็ได้มอบชีวิตของผมกลับคืนมา ผมรู้สึกทราบซึ้งจริงๆ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
ที่มา: indiewire