เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายชื่อดัง ที่อดีตเคยรับว่าความให้กับลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา อายุ 45 ปี คนดังแห่งบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่าก่อนนี้มีลุงพลมีคดีพัวพันเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ และสุดท้ายกลายเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี

ต่อมามีชื่อเสียงจากสื่อโซเชียล และมีการทำคอนเทนท์ต่างๆ เพื่อสร้างเรตติ้งทางสื่อโซเชียลและช่องยูทูบเบอร์ ไม่น้อยกว่า 30 ช่อง เพื่อเกาะติดชีวิตลุงพล สร้างยอดวิว สร้างรายได้จากยูทูป ตามมาด้วยการขายสินค้าเป็นรายได้เสริม

ภายหลังลุงได้มีการก่อสร้างพญานาคขึ้นมา บริเวณพื้นที่ป่าสวนติดกับบ้านของตนเอง แต่มีคำพิพากษาให้รื้อถอนรูปปั้นพญานาคออกจากพื้นที่ป่าสงวนนั้น ซึ่งนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ได้ถือฤกษ์วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ขนย้ายพญานาคไปยังบ้านเกิดที่บ้านจำปาดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพราะมีความเชื่อว่าเป็นวันแห่งนาคราช เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์รวมสายบุญที่มีความศรัทธาพญานาค ไปร่วมทำบุญกราบไหว้บูชาขอพร

ล่าสุด มีการออกมาประชาสัมพันธ์ผ่านไลฟ์สดยูทูปเปอร์ ช่องต่างๆ จัดกิจกรรมเดินแสวงบุญจากบ้านเกิด ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อแสดงออกถึงพลังศรัทธา พร้อมเปิดให้สายบุญร่วมบริจาค สมทบทุน นำมาถวายวัดพระธาตุพนมฯ กำหนดการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม-3 มกราคม 2566 รวมเวลาเดินเท้า 4 วัน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร

ซึ่ง นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายชื่อดังหลังทราบข่าวดังกล่าว ได้เข้าหารือกับพระครูศรีพนมวรคุณ หรือ พระมหากมลชัย กมโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้มีการตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมเดินแสวงบุญของลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา พร้อมทีมงาน เนื่องจากเกรงว่าจะฉวยโอกาส แสวงประโยชน์จากการรับบริจาค เพราะมีการประชาสัมพันธ์ให้พลังศรัทธาบริจาคผ่านบัญชีของตนเอง ทั้งที่วัดพระธาตุพนมมีบัญชีรับบริจาคทำบุญโดยตรงอยู่แล้ว

นอกจากนี้นายสมเกียรติ ยังได้ประสานไปยังนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ร่วมประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ รวมถึงได้เข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อสั่งการให้ทางตำรวจเกี่ยวข้อง ตรวจสอบ หากเข้าข่ายความผิดฐานเรี่ยไร ผิดกฎหมาย รวมถึงการใช้รถใช้ถนนจัดกิจกรรม ที่อาจจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.จราจร ด้วย

ทั้งนี้ นายสมเกียรติ โรจนวรกมล กล่าวต่อว่า ตนในฐานะตัวแทนประชาชน และมีความศรัทธาต่อองค์พระธาตุพนม ทนไม่ได้หลังจากกรณี ลุงพล นายไชย์พล วิภา และทีมงานออกมาประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมเดินแสวงบุญจากบ้านเกิด จ.สกลนคร มุ่งหน้าไปยังวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  พร้อมให้สายบุญบริจาคเงินผ่านบัญชีตนเอง เกรงว่าจะเป็นการฉวยโอกาสแอบอ้างชื่อวัดพระธาตุพนมฯ เพื่อแสวงประโยชน์ส่วนตัน  เบื้องต้นพบว่ามีสายบุญบริจาคเข้ามาจำนวนหลักแสนบาทแล้ว

โดยนายสมเกียรติหลังเข้าพบ พระมหากมลชัย กมโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อตรวจสอบท่านยืนยันว่า ไม่มีการขออนุญาตจัดกิจกรรมเดินแสวงบุญ ทางวัดพระธาตุพนมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เคยมีตัวแทนมาแจ้งว่าจะมาร่วมทำบุญในช่วงงานนมัสการองค์พระธาตุพนม  ซึ่งหากใครต้องการทำบุญสามารถติดต่อบริจาคได้ที่วัดพระธาตุพนมโดยตรง ที่สำคัญตนในฐานะตัวแทนพลังศรัทธา ได้ประสานกับทางนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ผู้ดูแลฝ่ายกฎหมายของวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ยืนยันว่าไม่สามารถที่จะเอาชื่อไปแอบอ้างเรี่ยไรได้

ต่อมานายสมเกียรติได้เข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม  พร้อมลงบันทึกประจำวัน และให้ทางตำรวจเกี่ยวข้อง มีการตรวจสอบการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้ง พ.ร.บ.เรี่ยไร รวมถึง พ.ร.บ.จราจร หากพบเข้าข่ายความผิด จะแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวทันที ฝากไปยังพี่น้องประชาชน พลังศรัทธา แนะนำให้ทำบุญกับวัดโดยตรงไม่ต้องบริจาคผ่านบัญชีบุคคลอื่น เชื่อว่ามีการแอบแฝงอะไรบางอย่าง หากบริสุทธิ์ใจควรบริจาคทำบุญกับวัดโดยตรง  และในการเดินครั้งนี้ตนมองว่า เป็นการจัดกิจกรรมอีเวนท์แฝงประโยชน์ และจัดคอนเทนต์ร่วมกับทีมงาน โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางยูทูบเบอร์ หลายช่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขาใหญ่ขาโหด ลุงพลและลูกน้อง รุมทำร้ายยูทูบเบอร์ที่ไปเกาะติดการเคลื่อนย้ายรูปปั้นพญานาค

ด่วน! “ลุงพล” ไม่รอดคุก ปรับ 6 พัน ศาลสั่งรอลงอาญา ฐานครอบครอง…