เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หมอหนุ่มป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย วานนี้ (15 เม..66) นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อัปเดตผลการรักษา 6 เดือน ผ่านเพจเฟซบุ๊กสู้ดิวะโดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ตัวเลข 6 เดือนนี้มีสำคัญมาก มันแปลว่าที่ 6 เดือนหลังจากวินิจฉัยจะมี 50% ของคนที่เป็นโรคมะเร็งปอดชนิดนี้ ที่มีการลุกลามของมะเร็งเพิ่มขึ้น และดื้อต่อการรักษาหลักที่กำลังให้อยู่

เดือน ..65 หมอกฤตไท ได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งปอดที่มีการลุกลามไปสมอง โดยหมอกฤตไทได้รับการผ่าตัดตรวจร่างกาย รับยาเคมีบำบัด รับการฉายแสง ต่อมาในเดือน ..65 หมอกฤตไทได้รับผลข้างเคียงทุกอย่าง ขนร่วงหมดตัว

เดือน ..65 ติดตามผลการรักษาครั้งแรกที่ 3 เดือน ผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บอกว่าก้อนที่ปอด มีขนาดเล็กลง และมะเร็งไม่มีการกระจายไปที่อวัยวะอื่นเพิ่มเติม ตัวโรคในภาพรวมยังคงสงบ แต่ก้อนในสมอง ไม่ใช่แบบนั้น เนื่องจากยาที่ได้ ผ่านเข้าสมองได้น้อยมาก เชื้อมะเร็งในเนื้อสมองจึงเริงร่า

เดือน ..66 อาการของหมอกฤตไทย ดีขึ้นมากๆ กลับไปออกกำลังกายได้แทบจะปกติ ได้กลับไปสอนนักศึกษา ได้กลับไปทำงาน เริ่มวางแผนที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป

เดือน ..66 การติดตามในสมอง 3 เดือนหลังจากฉายแสงครบ ถึงแม้ก้อนที่ฉายแสงไปจะยุบลง แต่มีก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมา 3 ก้อน  ตอนนั้นหมอกฤตไทตัดสินใจที่จะสังเกตอาการไปก่อน หลังจากนั้นกลับมารับการตรวจสมองอีกครั้งก้อนที่เจอครั้งก่อน โตขึ้นเป็น 2 เท่า ร่วมกับมีก้อนใหม่เพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้ในหัวของหมอมีทั้งหมด 13 ก้อน และมีอาการชักร่วมด้วย จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฉายแสงทั้งศีรษะ เพื่อกำจัดเชื้อมะเร็งที่น่าจะกระจายไปทั่วสมอง ซึ่งก็แปลว่าเนื้อสมองส่วนปกติของผมก็จะโดนรังสีไปด้วย ส่งผลให้สมองผมเสื่อมแน่นอน แค่มากหรือน้อย เร็วหรือช้าเท่านั้น จะเรียนปริญญาเอกอีกใบก็คงจะเป็นไปได้ยากมากๆ ถึงผมจะไม่อยาก แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

เดือน มี..66 หมอกฤตไท เริ่มรับการฉายแสงทั่วศีรษะ โชคไม่ดีเท่าไหร่ สมองบวมเยอะ ทำให้มีความดันในกะโหลกเพิ่มขึ้น หมอปวดหัวมากๆ ปวดแบบลูกตาจะกระเด็นออกมา อ้วกพุ่งออกมาทางจมูกด้วยความแรงเดียวกับที่พุ่งออกทางปาก ต้องนอนโรงพยาบาลสังเกตอาการ และรับยาสเตียรอยด์เพื่อกดการอักเสบของสมอง ยาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องแลกกับผลข้างเคียงของยา

หลังจากนั้น หมอกฤตไทมีอาการปวดหัวรุนแรงอีกครั้ง ผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองบอกว่า ก้อนในสมองผมมีเลือดออกและเลือดนั้นทำให้แรงดันในสมองเพิ่มขึ้น อาจต้องรับการผ่าตัดระบายเลือดออก โชคดีที่สุดท้ายปริมาณเลือดนั้นไม่ได้มากพอที่จะต้องผ่าตัดเปิดสมอง อาการปวดหัวน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการฉายแสงมากกว่า แต่ก็ต้องรอทำเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กินยากดการอักเสบลดสมองบวมต่อไปก่อน ซึ่งพอกินยาตัวนี้ติดต่อกันนานๆ ทำให้ต้องกินยาป้องกันการติดเชื้อราในปอดควบคู่ไปด้วย ค่าผลเลือดต่างๆ พังไปหมด ทั้งที่ออกกำลังกายและคุมอาหารอย่างดีกินยาสม่ำเสมอในขนาดสูงสุด แต่ค่าไขมันเลวในเลือดก็สูงกว่าค่าปกติมากๆ นอกจากนี้ยังต้องกินยากันชักและยาชะลออาการสมองเสื่อมทุกวันเช้าเย็น มีอาการปวดกระดูกซี่โครง ที่ไม่รู้ว่ามะเร็งลุกลามไปกระดูกหรือเปล่า

ก่อนหน้านี้ผมจองตั๋วไปญี่ปุ่นเอาไว้ แต่จากอาการต่างๆ ทำให้ความหวังที่จะได้ไปเที่ยวดูเป็นเรื่องตลกมากๆ  2 วันก่อนบินไปญี่ปุ่น ผมยังแอดมิทอยู่ด้วยซ้ำ เหลือเชื่อมากๆ ที่ผมได้ไปเดินกับพีมในสวนที่เต็มไปด้วยดอกซากุระ ได้พาพีมไปดูภูเขาไฟฟูจิ ไปสูดอากาศสะอาด ไปกินอาหารอร่อย ได้ไปสวนสนุก ได้ใส่ชุดกิโมโนคู่กัน และผมได้กินเนื้อโกเบผมยังคงกินยามหาศาล นอนได้วันละ 2-3 ชั่วโมง ยังคงท้องผูกและต้องคอยสังเกตอาการตัวเองอย่างจริงจังตลอดเวลา แต่ผมก็ยังไปด้วยความหวัง ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

เดือน เม..66 ตอนนี้ คือ 6 เดือน หลังจากได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ผบเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ทรวงอกและช่องท้อง รวมถึงตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง พบว่า ก้อนที่ปอดขวายุบลงไปครึ่งหนึ่งจากของเดิม ก้อนเล็กๆ ที่ปอดซ้ายหายไปเกือบหมด ก้อนในสมองทุกก้อนยังอยู่ แต่ถือว่าสงบ ไม่มีก้อนขึ้นใหม่ที่อวัยวะอื่น ไม่มีการกระจายไปที่กระดูก ตับ ไต ปอด หรือต่อมน้ำเหลือง มีเพียงก้อนที่เยื่อหุ้มปอดที่โตขึ้นไปกดกระดูกซี่โครงทำให้มีอาการปวด ซึ่งสามารถทำการฉายแสงเฉพาะจุดที่ก้อนได้

ผมได้เป็นคนครึ่งหลังกลุ่มคนที่สถิติจากวิจัยบอกไม่ได้แล้วว่าจะอยู่ไปอีกนานเท่าไร และตัวเลขที่น่าสนใจต่อไปคือ สัดส่วนผู้ที่รอดชีวิตที่ 5 ปี อยู่ที่ประมาณ 20% ผมหวังให้เป็นผมนะ ถ้าจะให้สรุปบทเรียนจาก

น้องมะเร็งในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาคงได้ว่าชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย อยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด

วันหยุดสงกรานต์แบบนี้ หลายๆท่านอาจจะกำลังใช้ช่วงวันหยุดให้รางวัลตัวเองด้วยการเดินทางท่องเที่ยว หลายท่านคงมีโอกาสกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวหรือคนรัก ขอให้ทุกท่านใช้เวลาตรงหน้าให้เต็มที่ครับ ให้เหมือนกับเป็นวันสุดท้าย เพราะเราไม่รู้จริงๆครับ ว่าสงกรานต์ปีหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะยังได้เจอกันไหม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หม่ำ จ๊กมก อาการดีขึ้น! หลังซี่โครงหักแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่หัก?

สะกดทุกสายตา สวยสง่า จูนนาตาชา นำขบวนแห่นางสงกรานต์ ปี 2566 ณ โบราณสถานแห่งชาติ