เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวถึง ความคืบหน้าคนร้ายที่คาดว่าเป็นกลุ่มยุโรปตะวันออกก่อเหตุตระเวนปล่อยมัลแวร์เข้าตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน ในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ สั่งให้เงินสดไหลออกมาจากตู้จำนวนมาก สร้างความเสียหายมูลค่า 12 ล้านบาท ว่า สำหรับคดีดังกล่าวนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งงชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ตนดำเนินการสืบสวนมานานกว่า 1 อาทิตย์ โดยมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นหน่วยช่วยเหลือสนับสนุนการปฎิบัติงานหลัก โดยเหตุดังกล่าวเกิดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 , 8 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยขณะนี้จากวัตถุพยานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ทำให้มั่นใจว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุในประเทศไต้หวัน เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และยังคล้ายกับเหตุที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2557 นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของคนร้ายกลุ่มนี้ พบว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวที่เคยก่อเหตุที่ไต้หวันมีประมาณ 5 คน ที่มีประวัติเดินทางเข้าออก และเป็นชาวยุโรปตะวันออก ส่วนจะมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ โดยพบว่าตู้ที่ถูกคนร้ายนำเงินออกไปนั้นมีทั้งหมด 21 ตู้ ไล่ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร มูลค่าความเสียหาย 12,291,000 บาท ส่วนตู้ที่ทางธนาคารออมสินกำลังตรวจสอบมีอยู่หมด 200 ตู้ ซึ่งขณะนี้พบแล้วว่าตู้ที่เหลือไม่ได้ถูกคนร้ายนำเงินออกไปแต่อย่างใด

พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ตู้ที่ถูกกระทำนั้นเป็นตู้ที่คนร้ายปล่อยมัลแวร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และเอาบัตรที่เชื่อว่าเป็นบัตรที่ผลิตในประเทศยูเครนเสียบเข้าไปที่ตู้ จากนั้นเงินก็จะไหลออกมา บางตู้ไหลออกมาจำนวนหลักหมื่น แต่บางตู้เช่นที่จังหวัดเพชรบุรีไหลออกมาล้านกว่าบาท พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุที่หน้าตู้ค่อนข้างนาน หากพบคนยุุโรปตะวันออกยืนอยู่หน้าตู้ ATM เป็นเวลานาน โดยเฉพาะตอนกลางคืน สามารถแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที พร้อมฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องตื่นตระหนกเพราะเงินที่คนร้ายโจรกรรมไปไม่ใช่เงินที่นำออกจากบัญชีของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเงินที่อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของธนาคาร และขณะนี้ทางธนาคารหลายแห่งก็ร่วมมือกันแก้ไขและป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก

“อย่างไรก็ตาม พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุบางส่วนได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว โดยก่อเหตุในช่วงเดียวกับที่ก่อเหตุที่ไต้หวัน โดยเหตุที่เกิดในไทยวันที่ 7-30 กรกฎาคม โดยทางธนาคารตรวจพบในวันที่ 1-10 สิงหาคม เพราะหลังจากคนร้ายนำเงินออกจากตู้คนร้ายจะสั่งให้ตู้รีเซ็ตระบบกลับไปเป็นเหมือนเดิมจึงสามารถตรวจสอบได้ยาก อีกทั้งภาพจากกล้องที่เครื่องยังไม่ทำงานขณะคนร้ายก่อเหตุเนื่องจากถูกมัลแวร์ควบคุม จะรู้เมื่อนำเงินมาตรวจนับและพบว่ามีเงินหายไปเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่เลือกก่อเหตุที่ตู้ของธนาคารออมสินนั้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมีข้อมูลและความชำนาญเกี่ยวกับตู้แบบนี้ ส่วนธนาคารอื่นก็อาจจะถูกก่อเหตุหากยังไม่ถูกตรวจพบเสียก่อน” พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว

พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีตู้ในจังหวัดภูเก็ตที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเพื่อควบคุมตู้อื่นๆทั้ง 21 ตู้ที่ถูกนำเงินออก ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเก็บหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบหาร่องรอยคนร้าย ส่วนในจังหวัดพังงาที่เกิดเหตุคนร้ายนำเงินออกไปจากตู้ 4 ล้านบาท เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ก็มีลักษณะการก่อเหตุคล้ายกับกรณีดังกล่าว คือ การใช้บัตรวีซ่าการ์ดแบบเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่ว่าเป็นการนำข้อมูลทางธนาคารไปศึกษาก่อนลงมือก่อเหตุล่าสุดหรือไม่อย่างไร จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะทำการสืบสวนเพื่อทราบตัว รวบรวมหลักฐานจนถึงขั้นออกหมายจับได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลหลายอย่างเช่น ยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ และที่พักของคนร้าย เป็นต้น ส่วนการติดตามจับกุมตัวนั้นเชื่อว่าคนร้ายบางส่วนยังคงตกค้างอยู่ในประเทศไทย นอกจาก 5 คนที่เดินทางออกจากไทยไปแล้ว หรืออาจจะเดินทางกลับมาในประเทศไทยอีกเพราะคิดว่าประเทศไทยไม่สามารถรู้ตัวคนกระทำได้ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับคนร้ายจะทำงานเป็นขบวนการวางแผนมาเป็นอย่างดี จากการศึกษาพฤติกรรมในการก่อเหตุที่ไต้หวันพบว่าคนร้ายจะนำเงินที่ได้มารวมไว้ที่คน 3 คนก่อนจะส่งต่อไปยังอีก 3 คน และสุดท้ายถูกตำรวจของไต้หวันจับกุมตัวได้ ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายอาจยังไม่ได้นำเงินที่ได้ออกจากประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ จะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ 8 ร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางป้องกันและการติดตามตัวคนร้ายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดหน้าตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินสามารถบันทึกไว้ได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายกำลังนำเงินออกจากตู้เอทีเอ็มใน จ.ภูเก็ต ในช่วงเวลาต่างกัน ลักษณะคล้ายชาวยุโรปตะวันออก โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัว

ที่มา – เดลินิวส์

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online