ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่หน้าฝนแล้ว ถ้าขับรถอยู่ดีๆแล้วเผลอไปเจอโคลนของไอทุยเข้า จะเป็นยังไง!! คงจะเขอะไปด้วยโคตรโคลนเข้าเต็มๆ!!! หรือแม้แต่สิ่งสกปรกต่างๆตามท้องถนน ก็เป็นปัญหาที่ทำให้คุณต้องหนักใจ!! วันนี้จึงขอนำเสนอ “เทคนิคดูแลรถช่วงหน้าฝน ให้เปื้อนน้อยที่สุด” จะเป็นอย่างไรตามมา!!
1. หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังขับรถลุยฝน เพื่อช่วยไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น แต่ถ้าหากไม่มีเวลามากนัก แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่โคลน และคราบน้ำฝนออก ก็ช่วยบรรเทาการเกิดคราบฝังแน่นได้บ้าง
2. เมื่อเราขับรถลุยฝนมาแล้ว พยายามอย่าจอดรถตากแดด เพราะจะทำให้คราบน้ำฝนแห้ง และเป็นคราบน้ำ ยิ่งถ้าเจอฝนกรดด้วยแล้ว คราบน้ำนั้นจะฝังตัวแน่น และอาจกัดลึกลงถึงเนื้อสีได้ครับ ซึ่งถ้าเป็นคราบน้ำแล้วล้างไม่ออก ให้รีบนำรถทำการขัดเคลือบสีโดยด่วน อย่าทิ้งไว้นาน เพราะจะยิ่งทำให้คราบนั้นฝงแน่นและสร้างความเสียหายแก่รถของท่านในที่สุด
3. ไม่ควรนำผ้าแห้งเช็ดรถหลังฝนตกในทันที เพราะฝุ่นและโคลนที่ติดตามตัวรถ เมื่อเราเอาผ้าเช็ดทันทีอาจเป็นสาเหตุให้รถเกิดรอยได้ ดังนั้นจึงควรฉีดน้ำล้างให้ทั่วตัวรถก่อนเช็ดด้วยผ้าจึงจะดีที่สุด
4. ไม่ควรล้างรถเองในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เพราะในเวลาค่ำอาจะทำให้เราเช็ดคราบน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอก ตะเข็บรถไม่สะอาด เป็นสาเหตุที่ทำให้รถเป็นสนิมได้
5. ในช่วงหน้าฝน ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ที่มียาง เกสร ดอก หรือผล เพราะในฤดูฝน มักมีลมกรรโชกที่รุนแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถแล้ว สิ่งดังกล่าวอาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้ผิวสีด่างและเสียได้ หากเราไม่แก้ไขให้ทันท่วงที
อย่าปล่อยให้รถของคุณเลอะเขอะเป็นคราบเป็นระยะเวลานานเชียวนะ คุณรู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด ซึ่งมันจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพผิวของรถคันงามของคุณเลยทีเดียว!!
by TVPOOL ONLINE






