เมื่อวันที่ 3 ม.ค. พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว แถลงถึงผลตรวจปัสสาวะนักร้องดัง ‘เสก โลโซ’ ว่าจากการตรวจปัสสาวะของเสกพบเป็นสีม่วง และส่งไปตรวจยืนยันกับร.พ.ตำรวจอีกครั้ง ผลการตรวจออกมาแล้วพบว่า มีสารเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์และยาอีในปัสสาวะ จากนี้ตำรวจจะออกหมายเรียกเสกมารับทราบข้อหา ฐานเสพยาเสพติดประเภทที่ 1 ในวันที่ 4 ม.ค. โดยประสานผ่านทนายความ คาดว่าในสัปดาห์หน้านักร้องดังน่าจะเข้ามารับทราบข้อหา
พ.ต.อ.สิงห์กล่าวอีกว่า ในกรณีของผู้เสพยาเสพติด ตามปกติต้องส่งตัวไปบำบัดฟื้นฟู แต่กรณีของเสกนั้น ได้ปฏิเสธไม่ได้เสพยาเสพติด โดยอ้างได้กินยานอนหลับ แต่ไม่ได้นำมาให้ตำรวจ ซึ่งผลตรวจที่ออกมายืนยันชัดเจนว่ามียาเสพติด 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะมียานอนหลับก็ไม่มีผล นอกจากนี้เสกยังถูกเอาผิดคดีอาวุธปืนและขัดขวางการทำงานของตำรวจ รวมทั้งมีโทษรอลงอาญาคดีทำร้ายร่างกายเมื่อปีก่อน จึงไม่สามารถขอส่งไปบำบัดฟื้นฟูได้
“หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนถึงที่มาของยาเสพติดที่เสกซื้อมาเสพด้วย ว่านำมาจากคนใกล้ชิดหรือใคร ซึ่งตำรวจต้องสืบสวนหาแหล่งที่มา พร้อมออกหมายเรียก แต่ถ้าเสกยังไม่เดินทางมาตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่ก็จะออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่มาอีกก็จะออกหมายจับต่อไป แต่ส่วนตัวคิดว่าเสกน่าจะมาพบตำรวจ เพราะได้ประกันตัวในชั้นศาล แต่เสกยังให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงต้องทำหน้าที่พิสูจน์ ไม่ใช่จำผิด ดังนั้นเมื่อเสกมีพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติม สามารถให้การกับตำรวจได้”พ.ต.อ.สิงห์กล่าว
เมื่อถามว่านักร้องดังอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ พ.ต.อ.สิงห์กล่าวว่า ต้องดูว่าตอนเกิดเหตุมีสติหรือไม่ ต้องให้หมอตรวจอีกครั้ง แต่เบื้องต้นยังไม่มีการอ้างในส่วนนี้
เมื่อถามว่าในวันเข้าไปจับกุมได้ตรวจค้นบ้านและเจออุปกรณ์การเสพในบ้านหรือไม่ พ.ต.อ.สิงห์กล่าวว่า ยังไม่พบ เพราะตอนนั้นเจ้าหน้าที่ขอหมายค้น เพื่อไปจับกุม และวันนั้นค้นแค่ในห้องเกิดเหตุและไม่พบอุปกรณ์การเสพ
“ถ้าผู้ต้องหาคิดว่าบริสุทธิ์ ต้องให้ข้อมูลตั้งแต่ชั้นสอบสวน เพราะถ้าบริสุทธิ์เจ้าหน้าที่ก็สั่งไม่ฟ้องได้ เนื่องจาการสอบสวนไม่ได้จะเอาผิดอย่างเดียว แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานด้วย”
