ไทยทำ ไทยนิยม
ซึ่งละครย้อนยุคแบบนี้แหละ ที่คนไทยต่างชื่นชอบกันเป็นอย่างดี คงเพราะเป็นประเทศของเราเองที่จะเข้าใจในเรื่องราวยุคสมัย และประวัติศาสตร์ของชาติบ้านเมือง รวมทั้ง เครื่องแต่งกาย ภาษาพื้นบ้าน เหมือนได้ย้อนยุคกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ได้บอกเล่าเป็นภาษาท้องถิ่นด้วยสำเนียงสุดนุ่มนวลของเรา พร้อมชุดไทยโบราณหลากหลาย ขนบธรรมเนียม เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยใส่กันมาบ้าง ปฎิเสษไม่ได้เลยจริงๆว่าติดละครเรื่องนี้ไปแล้วเต็มๆ
บทละครรูปแบบใหม่ ไม่จำเจ
ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ละครแต่ละเรื่องของไทยส่วนใหญ่ จะเป็นละครชื่อดังที่หลายๆคนคงเคยได้ยินกันมาแล้ว เพราะมันถูกรีเมค นำกลับมาฉายอยู่เรื่อยๆ แค่เปลี่ยนนักแสดง แต่เรื่องราวของเรื่องนั้นๆเราจะทราบอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง จนหลายๆคนเบื่อหน่ายกับละครเรื่องเดิมๆซ้ำๆนั่งจำเจ จนมานั่งบอกได้ว่าละครเรื่องนี้จะจบยังไง แต่ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้นซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของละครจอแก้วที่นำบท “บุพเพสันนิวาส” จากนวนิยายชื่อดังที่ไม่เคยเป็นละครมาก่อน ด้วยการนำเสนอในรูปแบบใหม่ ให้ตามยุคตามสมัยและคาดเดาได้ยาก ถึงแม้หลายคนจะเคยอ่านนิยายมาก่อน ก็ยังคงต้องลุ้นกับการได้เห็นฉากในนิยายในจินตนาการ ของตัวเองอยู่ดี
นำเรื่องตลก สอดแทรกเข้าไปอยู่ตลอด(ไม่มีคำหยาบคาย)
นี่แหละสำคัญสุดๆเพราะพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ที่อยากชมละคร และติดตามละครเป็นเพราะหาความบันเทิงให้ความสุขระหว่างชม ซึ่งละครเรื่องนี้ตอบโจทย์แฟนๆละครเป็นอย่างมากเพราะจะสอดแทรกมุขตลกเล็กๆน้อย ในตัวละครแต่ละตัวโดยมีเนื้อหาแบบสุภาพเน้นให้เป็นธรรมชาติของตัวละคร จนหลายๆคนติดคาแรคเตอร์ของตัวละครนั้นๆในชีวิตจริง พูดง่ายๆก็คือ คิดว่าตัวเองเป็นแม่หญิงการะเกดนั่นเอง ซึ่งในโลกออนไลน์ก็มีมีม MEME ที่ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก
พื้นฐานประวัติศาสตร์แน่น ดูแล้วไม่ขัดใจ
ที่บอกว่าไม่ขัดใจในที่นี้คือ อิงความเป็นจริงของประวัติศาสตร์มากที่สุด ซึ่งถ้าใครศึกษาเรื่องพวกนี้มาแล้วก็ลองเข้าไปเสิร์ชก็จะพบเรื่องราวต่างๆที่เชื่อมโยงกับละครได้ไม่มีติดขัด ซึ่งละครเรื่องนี้ถือเป็นต้นฉบับก่อนจะมีการรีเมคในอนาคตก็เป็นได้! แอบบอกไว้นิดนึง(คนเขียนบทใช้เวลา3ปีในการศึกษาประวัติศาสตร์เลยทีเดียว) ถ้าสังเกตุดีๆการลงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่หรือประวัติศาสตร์ในละคร แทบจะหาที่ติไม่ได้เลย ถือเป็นการเพิ่มอรรรสในการรับชมละครโดยแท้จริง
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คงเป็น แม่หญิงการะเกด กล่าว “สวัสดี” สังเกตุไหมว่าในละครผู้คนในฉากต่าง งวยงง กับคำนี้ เพราะในบทตัวละครที่อยู่ในยุคเก่าจะไม่เข้าใจ กับคำว่า สวัสดี ซึ่งคำนี้ถูกใช้ในช่วงยุคของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่กำหนดขึ้นมาให้ใช้ทักทายกัน โดยยุคก่อนส่วนใหญ่จะใช้คำว่า ไหว้จ้ะ, เป็นอย่างไรบ้าง, ที่ติดหูคนไทย
นอกจากนี้ยังสอดแทรกตัวละครแนวประวัติศาสตร์จริงๆ เข้ามาด้วย อย่าง ท้าวกีบทองม้า หรือ มารี กีมาร์ เจ้าของสูตรขนมไทยต่างๆ อย่าง ทองหยิบ ทองหยอด ทองโปร่ง ทองพลุ ขนมผิง ขนมฝรั่ง หรือตัวละครอื่นๆ ที่มีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ของไทยใส่เข้ามาในละครอีกด้วย
แอคติ้งดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
และที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น นักแสดงมากความสามารถ ที่จะขาดไม่ได้เลย เพราะถือเป็นหัวใจหลักของการดำเนินเรื่องก็ว่าได้ ซึ่งละครเรื่องนี้ก็ได้ใช้นักแสดงชั้นนำหลายคนที่มีประสบการณ์และแฟนคลับหนาแน่น มาดึงเรตติ้งละครให้สูงขึ้น สังเกตุจากความเป็นธรรมชาติของแต่ละคน ที่ดูแล้วยิ่งอินตาม ไม่ห่วงหล่อห่วงสวยกันเลยทีเดียว จะแปลกตรงไหนถ้าหลายๆคนต่างเทใจให้ละครเรื่องนี้
สุดท้ายนี้ เราก็คงทราบกันไปแล้วว่าเหตุใด ละครเรื่องนี้ถึงได้ดังถล่มทลายขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะละครน้ำดีเรื่องนี้ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือยังเดาเรื่องราวกันไม่ได้ เพราะยังไม่เคยมีใครสร้างมาก่อน ซึ่งละครเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแรกที่เป็นต้นฉบับ ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดัง ยังมีละครอีกหลายเรื่องที่ถูกดัดแปลงแล้วโด่งดัง เหมือนเรื่องนี้ เราต้องคอยดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้ ละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” จะสร้างสถิติใหม่อะไรไว้อีก แต่ที่แน่ๆคนไทยทุกคนตอนนี้กำลังตั้งตารอ วันออนแอร์ของละครเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่ออย่างแน่นอน
