เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 จากกรณีที่เสก โลโซ ออกมาไลฟ์สดทั้งวันทั้งคืนแบบไม่หลับไม่นอน จนหลายคนคิดว่าเสกเองหลอนยา แต่เสกก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เสพยา และยังมีการตรวจฉี่ให้ดู ส่วนทางด้าน หงส์ น้องสาวของเสก ก็บอกว่าเสกนั้นอาจจะมีการเสพติดเฟซบุ๊ก

ล่าสุด ดีเจเคนโด้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง ในฐานะที่เคยป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ และยืนยันว่า อาการที่ทุกคนเห็นเสกเป็น พูดทั้งวัน ไม่หลับไม่นอน เป็นส่วนหนึ่งของโรคล้วน ๆ
ดีเจเคนโด้ บอกว่า ตนเองเคยป่วยเป็นไบโพลาร์ และทำการรักษาอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน ตนมั่นใจว่าเสกเป็นไบโพลาร์ เพราะตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับทนายส่วนตัวของเสก และรู้ว่าเสกรักษาโรคนี้มา 3 ปี แต่เสกไม่มีวินัยในการรักษา การจะรักษาให้หายนั้น ต้องอาศัยยาส่วนหนึ่ง จิตบำบัดส่วนหนึ่ง และระยะที่เสกเป็นอยู่นี้เรียกว่า ระยะแมเนีย (Mania) ซึ่งเป็นระยะที่ผู้ป่วยคึกมากผิดปกติ สมองแล่น จนทำให้เสกเองไลฟ์ทั้งวันไม่หลับไม่นอน

อย่างไรก็ตาม หากเสกจะหายได้ ต้องมีคนดูแล อย่างแม่ของดีเจเคนโด้ก็ต้องไปเรียนรู้วิธีการรับมือผู้ป่วย เพราะคุณแม่ต้องรับมือกับลูกที่เป็นไบโพลาร์ถึง 2 คน
โรคไบโพลาร์มีส่วนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงจริง และหากเป็นหนัก ๆ จะเกิดอาการหูแว่ว ภาพหลอน บางคนถึงขั้นฆ่าพ่อฆ่าแม่ จนสังคมรุมด่าว่าเลว ว่าชั่ว แล้วพออาการหูแว่วหาย ภาพหลอนหาย ให้คิดดูว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน
คนเป็นโรคไบโพลาร์จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะสารเคมีในสมองเป็นแบบนั้น ผู้ดูแลต้องวางแผนการรักษาผู้ป่วยกับจิตแพทย์ ยิ่งรักษาช้า ยิ่งมีความเสียหายมาก หากสุดท้ายเสกลงสู่ขั้วของการเป็นซึมเศร้า ปืนที่เสกเคยยิงขึ้นฟ้า อาจจะจบลงที่การฆ่าตัวตายก็ได้
ตนไม่ต้องการคำว่าให้โอกาส เห็นใจ แต่สิ่งที่ต้องการคือความเข้าใจ ที่จะนำไปสู่การให้แก่ผู้ป่วยจิตเวชทุกคน
“#เข้าใจแล้วจะไม่ตีตราบาป #เข้าใจนำสู่การช่วยเหลือ #เข้าใจสร้างสังคม  #เราจะเข้าใจกันและกัน”
สุดท้ายแล้ว การไล่ใครไปตายไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แล้วถ้าเขาไปตายจริง คุณจะเสียใจ อย่าไล่ใครไปตายเพราะมันคืออารมณ์ ไม่ใช่ความรู้สึกจริง ๆ

เสก โลโซ