เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีที่ เสก โลโซ หรือ นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย นักร้องชื่อดังไลฟ์สดผ่านมือถือต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ไม่หลับไม่นอน จนทำให้สังคมต่างตั้งคำถามว่าสาเหตุที่เสกไลฟ์สดแบบไม่มีหยุดแบบนี้เกิดจากอาการป่วยหรือไม่

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ไบโพลาร์เป็นโรคทางจิตเวช ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ พบได้ประมาณร้อยละ 1 ของประชากร สำหรับอาการของโรคดังกล่าว จะมี 2 ขั้ว คือ 1.แบบซึมเศร้า คนที่เป็นจะมีอาการ เช่น ท้อแท้ เบื่อหน่าย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ไม่อยากทำอะไร เป็นต้น และ 2.แบบฟุ้ง คนที่เป็นจะมีอาการ คือ ขยัน พูดมาก คิดฟุ้ง ฯลฯ เมื่อคิดฟุ้งแล้วจะมีการแสดงพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปจากคนปกติทั่วไป

“หากใครมีภาวะแบบนี้ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพราะการรักษาจะช่วยให้กลับผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้ สำหรับกรณีของเสก โลโซ นั้น ในฐานะจิตแพทย์ แต่ไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้ ก็ไม่สามารถยืนยันว่าป่วยเป็นไบโพลาร์จริงหรือไม่ แต่หากมีการยืนยันจากทนายส่วนตัวว่าป่วยเป็นโรคดังกล่าว เสก โลโซ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาเช่นกัน และในกรณีที่ทนายบอกว่าเสก โลโซ ป่วยจริง ผู้ชมการไลฟ์สดไม่ควรแห่ตาม แต่ควรเข้าใจว่าเขาคือคนป่วยที่ต้องได้รับการรักษา และคนที่ใกล้ชิดหรืออยู่แวดล้อมต้องช่วยเหลือ” นพ.ยงยุทธ กล่าว และยังกล่าวต่ออีกว่า ไบโพลาร์เป็นโรคเรื้อรัง ถ้ารักษาจะทำให้อาการดีขึ้น จนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้าไม่รักษา ปล่อยทิ้งไว้โรคจะกลับมาใหม่ ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องมีวินัย ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และห้ามขาดยา

นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ผู้ป่วยไบโพลาร์ไม่ได้เข้ารับการรักษา หากปล่อยไปนานๆ อาการจะรุนแรงมากขึ้น ถึงที่สุดแล้วอาจจะมีการคลุ้มคลั่ง และสุดท้ายอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีผู้ป่วยไบโพลาร์ที่ไม่หลับไม่นอนจะอยู่ในสภาพดังกล่าวไปได้กี่วันจึงจะหมดสภาพ นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจอดหลับอดนอนได้นาน 1-2 สัปดาห์