เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับประเด็นเรื่องราวการถูกขุดคุ้ยพฤติกรรมในอดีตของ พระเอกดัง “คิม จองฮยอน” และ อดีตแฟนสาว “ซอ เยจี”ความคืบหน้าล่าสุดของทางต้นสังกัดของ “ซอเยจี” ก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยอมรับแชทที่ถูกสำนักข่าวดังปล่อยออกมา เป็นแชทจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของบทสนทนา บทสนทนาทั้งหมดเป็นการหึงหวงของคู่รัก ทะเลาะกันในความสัมพันธ์ ไม่ใช่การควบคุมบงการใดใด ไม่ใช่ความตั้งใจของ “ซอเยจี” ที่จะให้ “คิมจองฮยอน” ทำให้เกิดปัญหาต่อละคร “Time” แต่อย่างใด

สรุปคำแถลงการณ์ของต้นสังกัด ซึ่งอ้างอิงมาจากแหล่งข้อมูลสำนักข่าวเกาหลี และทีมงาน “Teenee” ได้ดังนี้

หลังจากทำการตรวจสอบกับทางฝั่งของนักแสดงคิมจองฮยอนแล้ว เราได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนว่าประเด็นที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับละครนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากซอเยจี และได้รับคำอธิบายมาว่าเขาจะทำการแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในฝั่งของตนเองเช่นกัน

แต่ถึงเช่นนั้น เราก็ได้รับความเห็นมาว่าการที่จะอธิบายทุกปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง และในสถานการณ์ที่เกิดประเด็นต่างๆขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทางเราก็ได้รับความเห็นว่า การแถลงการณ์ก่อนก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน 

นอกจากแถลงการณ์ของฝั่ง “คิมจองฮยอน” แล้ว ทางเราจะขอเปิดเผยแถลงการณ์ของฝั่งเราเอง ในเรื่องที่เป็นประเด็นนั้น โดยปกติแล้ว การที่นักแสดงนำในละครจะยอมประพฤติตนตามคำพูดของใครสักคน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากในความเป็นจริง ถึงแม้ข้อมูลในบทสนทนาจะไม่ถูกเปิดเผยออกมา แต่ก็มีบทสนทนาที่ “คิมจองฮยอน” ได้ขอไม่ให้ “ซอเยจี” ซึ่งในขณะนั้นกำลังถ่ายทำละครเรื่องอื่นอยู่มีฉากคิสซีนด้วยเช่นกัน และ “ซอเยจี” ก็ได้กล่าวว่า “งั้นเธอก็ห้ามทำ” ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างคู่รักซึ่งปนไปด้วยความหึงหวงในการสกินชิปกับคนอื่น

ซึ่งสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการทะเลาะกันแบบลิ้นกับฟันประสาคู่รัก ที่มักมีปัญหาหึงหวงอีกฝ่ายในการทำงาน ประกอบกับพวกเขาทำงานในวงการด้วย อย่างไรก็ตาม

นักแสดงทุกคนก็สามารถถ่ายทำอย่างเป็นปกติ โดยแยกแยะจากการกระทบกระทั่งกับคนรักได้ เราคิดว่าขณะนั้น “คิมจองฮยอน” ก็อาจจะมีความจำเป็นอื่นๆที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน

และในส่วนที่กลายเป็นข่าวนั้น เป็นบทสนทนาส่วนตัวระหว่างบุคคล ที่ไม่ควรนำมาเปิดเผยโดยไม่พิจารณา ว่านั่นเป็นบทสนทนาระหว่างคู่รักที่เป็นส่วนตัวมากๆ จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้

นอกจากนี้ข่าวลือเรื่องการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนนั้น “ไม่เป็นความจริง”