ม้าอรนภาแถลงเปิดใจปมดราม่า ตบหน้าดารารุ่นน้อง ล่าสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ม้าอรนภาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวแบบนี้
คือการไปรอบนี้คือจะแพลนที่จะพาน้องไปทำศัลยกรรม โดยการไปปรึกษาแพทย์ก่อน เราก็ดำเนินการให้ และน้องบอกอยากไปเที่ยวก่อนด้วย เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะดูแลให้ เพราะอยากทุกอย่างสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตัวน้องรู้ทุกอย่างว่าโปรแกรมมีกิจกรรมอะไรบ้าง มีการนัดหมายเรียบร้อย แต่ก็พลาดกันเพราะจองคนละไฟล์ ซึ่งทางนั้นก็โอเคตกลงกันเรียบร้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน! “ดีเจแมน–ใบเตย” ย่องพบ DSI รับทราบข้อกล่าวหาก่อนกำหนด
- “จ๊ะ นงผนี” เผยเสียเงินเพราะ “ใบเตย” จริงมั้ย ลั่น!มีดาราบางคนโดน 200ล้าน
พอได้เจอกัน เราก็พยายามสอนเขา เพราะถ้าจะเข้าวงการมันต้องอะไรทำอีกเยอะ แล้วไปทานข้าวกลับโรงแรม และนัดกันช่วงเย็น พอเวลานัดกัน ก็สรุปจะไปกินปูกัน ก็เลยให้ทางโรงแรมเช็คกับทางร้านอาหาร ก่อนจะไปร้านน้องก็ขอแวะเดินเที่ยวก่อน เราก็ไลน์ไปตามว่ากลับมาที่จุดนัดหมายหรือยัง แล้วก็ชวนกันไปซื้อรองเท้า
ซึ่งน้องซื้อของเยอะเราก็ถามย้ำว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็จะเปลี่ยนแผน แต่เขาบอกว่าโอเคไหวอยู่ และก็พากันไปร้านรองเท้า ไปเลือกดูของกันจนซื้อเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืนและน้องบอกไม่ไปกินปูแล้วนะ เราก็บอกไม่ได้ โดยมีการตบไปที่หน้าด้วยความมือไว คือเราไม่ได้โมโหนะ เหมือนการเรียกสติเขาเฉยๆ คือไม่ได้แรงนะ เราก็บอกจะบ้าหรอ เขาก็บอกตบหน้าผมเลยหรอ ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอมแล้วนะ เราก็บอกว่าขอโทษไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่ทำไปก็เพราะตกใจ มันคือการเหมือนแตะไม่ได้ตบ ไม่ได้โมโหหิวอะไรด้วย
พอเดินออกไป เขาก็บอกโกรธมาก ขอให้ปล่อยผมอยู่คนเดียว และเขาก็เดินไปรอริมถนน เราก็รอให้เขาดาวน์ลง และก็เดินเข้าไปจับมือและขอโทษเขา ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ซึ่งก็มีการถามมาตลอดแล้ว แต่จะบอกยกเลิกแบบนี้ไม่ได้ การจะทำอะไรต้องบอกกันตรงๆ เขาก็บอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร สุดท้ายก็เข้ามากอดกัน และก็นึกว่าจะว่าจบ จนน้องเขาก็มาชวนเรา บอกว่าจะไปกินปูและพออิ่มก็กลับโรงแรม เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวผ่าตัด
และพอผ่าตัดเสร็จ เขาก็ขอกลับห้องเพื่อจะไปนอนพัก แต่เราก็รู้ว่าไลฟ์สไตล์เราต่างกันด้วยช่วงอายุ ตอนเช้าก็เลยไปโทรไปถามว่าทานอะไรหรือยัง และก็ไปดูเขาที่ห้อง ก็ถามต่อว่าจะไปไหนหรือเปล่า เขาก็บอกไม่ไปไหนจะนอน เราก็ไปเลยออกไปเที่ยวกับคนอื่น ซึ่งก็พยายามทักถามตลอดว่ากินข้าวกินยาหรือยัง
จนถึงวันนัดที่จะไปล้างแผล ก็เดินไปด้วยกัน ก็มีการถ่ายรูปเล่น และมีการชวนถ่ายคลิปด้วย ซึ่งทุกอย่างก็ปกติหมดไม่มีพฤติกรรมอะไรแปลกเลย ก็มีการพูดคุยปกติเลย อยู่ๆ เขาก็พูดออกมาว่า 29 เจอกันครับ ซึ่งเป็นวันกลับ เราเลยถามว่าจะไปไหน เขาบอกก็เดินเล่นแถวนี้ จะเล่าย้อนว่าหลังจากที่เกิดเรื่องขี้นแล้วนั้น ก็ได้ทักไปหาผู้จัดการ ว่าน้องคนนี้เป็นยังไงบ้าง ทางนั่นบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้ดูแลแล้ว เพราะพึ่งทะเลาะกัน
อยู่ๆ ก็มีข่าวมาจากเมื่อไทย โดยที่มาจากทนายท่านนึง ทางด้าน ผจก. ก็บอกว่าให้ออกไปต่างประเทศ เราก็เลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็งงนะเพราะไหนบอกว่าจะไม่บอกใคร หลังจากนั้นก็โดนทัวร์ลงจากโซเชียล
ทางการเกาหลีก็ไม่ได้มีอะไร ก่อนที่เราจะไปใช้ชีวิตเราปกติ และทางการเกาหลีก็ไม่ได้มีการแจ้งอะไร ทางทนายคงบอกให้น้องเขาทำอะไรมากกว่า คือไปแจ้งความเพื่อขอดูกล้อง
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็ได้โทรหาน้องเขาทันที โทรติดแต่ไม่รับ เลยพิมพ์ไปว่าทำไมต้องทำแบบนี้ และก็มีลบข้อความออก เพราะไม่มีการตอบกลับ
สรุปข่าวที่ว่าน้องย้ายโรงแรมหนีเราจริงไหม เลยไปเช็คที่โรงแรม ทางเจ้าหน้าที่บอกไม่มีอะไร จนวันรุ่งขึ้นลองฟังเสียงดู เหมือนมีคนอยู่ เลยไปเปิดห้องสรุปเป็นแม่บ้าน จนคิดว่าเขาคงไปตั้งแต่วันล้างแผล หลังจากนั้นก็ติดต่อเขาไม่ได้เลยไม่รู้เขาไปอยู่ที่ไหน เราเลยส่งข้อมูลทุกอย่างไปให้ ผจก. ของเขา เพื่อติดต่อให้เราแทน
จนสุดท้ายก็ได้เจอกันวันที่ 29 ที่ได้เจอตัวกัน โดยทาง ผจก. บอกไม่ต้องไปเจอก็ได้ เราบอกไม่ได้เพราะเราต้องทำหน้าที่เราให้จบ เราเองเป็นผู้ใหญ่พอแยกแยะอะไรได้
พอเราไปเจอกันก็พูดคุยกันธรรมดา เขาก็บอกพี่คงไม่เครียดนะเพราะเจออะไรมาเยอะ แต่ผมเครียดมาก ทาง ผจก. เขาบอกน้องเครียดมาก และทางน้องพูดประมาณว่า เขาบอกเป็นการสอนเราว่าอย่าไปตบหน้าใคร ส่วนไปปรึกษาทนายได้ยังไงอันนี้ไม่รู้เลย ทางด้านพ่อแม่น้องเขาเข้าใจ คือเราไม่กังวลอะไร ในส่วนของคดีที่บอกว่าดำเนินคดีที่ไทยได้ไหม คิดว่าคงไม่ได้นะ เพราะสถานที่คนละประเทศ และไม่คิดว่าเรื่องค้างไว้ที่เกาหลีไหม ให้ทางสถานฑูตก็เช็คแล้วไม่มีอะไร
คือจะบอกว่าเราดีกับน้องเสมอนะ แต่ตัวน้องเองเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพระติดต่อไม่ได้
ถามว่าเสียหายกับเราไหม ก็เสียหายนะ แต่ถ้าเทียบกับตอนโดนไล่ออกจากงาน อันนั้นใหญ่กว่า แต่เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าเขาจะเอาไปทำให้มันใหญ่โต แต่เรามีสติที่ควบคุมไว้ได้ ถามว่าจะฟ้องไหม ยังตอบไม่ได้
ถ้าทนายทางนั้นไม่ยอม อันนี้เราเองก็คงยังไม่ทราบ
อยากจะบอกกับบุคคลที่3 คือเรื่องมันเกิดกันแค่ 2 คน เพราะต่างคนต่างเคลียจบแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับทนาย เพราะเราโดนโจมตีตลอด คงปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเอง ถามว่าสร้างข่าว เพื่อจะให้กลับเข้าวงการหรือเปล่า หลังชาวเน็ตจับผิด
และกระแสข่าวที่ว่าเรามีความสัมพันธ์กับ น้องมากกว่านั้นหรือเปล่า ก็คืออย่างที่เล่าไป ทุกอย่างมันคือการดูแลในฐานะลูกค้า จะบอกว่าไม่มีอะไร เราแก่ขนาดนี้แล้ว
by TVPOOL ONLINE